*** อู่ colourฟูล auto paint รับทำสี เคาะ ปะ-ผุ ดึงโป่ง ฯ ***

  • ผู้เริ่มหัวข้อ ผู้เริ่มหัวข้อ A31999
  • วันที่เริ่มต้น วันที่เริ่มต้น

กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see

คนเป็นกลางก็มาแล้ว งั้นผมมาในฐานะที่ยืนอยู่ฝั่งพี่พลแล้วกัน

ผมก็เป็นอีกคนนึงซึ่งรับรู้เรื่องราว ปัญหาการดำเนินกิจการของอู่สีมาโดยตลอด

(จะเห็นได้ว่า ผมจะช่วยลงโฆษณาอู่สีของพี่พล ในช่องลายเซนต์ที่ผมขายของ

เกือบทุกเวป ซึ่งบางเวปยังกล่าวหาว่าผมมีส่วนร่วมในกิจการอู่สีของพี่พล)

ผมเข้าไปรับรู้เริ่มตั้งแต่ยังไม่คิดจะทำ แล้วก็มาดำเนินการ ผลขาดทุน

พี่พลโทร.มาเล่าให้ผมฟังเกือบทุกเดือน ขาดทุนเดือนละเป็นแสน

ถ้าการดำเนินงาน ไม่ได้ขาดทุนจริง คนคนนี้ (พี่พล) จะโทร.มาเล่าให้ผมฟังทำไม

ในเรื่องของการลงทุนของท่านอื่นผมไม่เข้าไปเกี่ยว เพราะผมก็ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น

แต่เข้าใจว่า ทุกคนก็อยากได้เงินของตัวเองคืน แล้วทางพี่พลล่ะ เงินลงทุนที่ลงไป

เค้าไม่อยากได้คืนด้วยเหรอ การบริหารงานการร่วมลงทุน ทุกคนนั้นต้องทราบดี

อยู่แล้วว่าการลงทุนต้องมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้ แล้วเมื่อเกิดผลขาดทุนขึ้นมา

ใครล่ะครับจะเป็นผู้รับผิดชอบ ทุกคนต้องร่วมรับผิดชอบด้วยกันไม่ใช่เหรอครับ

หรือว่าจะผลักภาระไปให้พี่พล แนวความคิดของพี่พลที่ว่า การทำอู่ขาดทุน

ก็จะรอเงินกำไรจากอู่มาจ่ายเงินคืนทุนให้กับทุกท่าน ผมก็เห็นสมควรนะ

ในเมื่อการลงทุนเพิ่มในกิจการพี่พลก็เป็นคนเติมเงินเข้าไปโดยตลอดแล้ว

ก็ไม่ควรที่จะนำเงินส่วนตัวเข้ามาคืนให้กับท่านอื่นจนเจ็บตัวไปมากกว่านี้

วันนี้ขอตอบแค่นี้ก่อน

ขอเป็นกำลังใจให้พี่พลแล้วกันครับ สู้ ๆ ครับพี่

แล้วผมจะคอยติดตามตอนต่อไปแล้วกันครับ
 


ผมว่าเรื่องนี้ท่าจะไปกันใหญ่แล้วนะครับ ไม่น่าที่จะเอาเรื่องส่วนตัวมา post กัน ให้คนอื่นเขารับฟังกัน เหมือนสาวไส้ให้กากิน และถ้ามีการพูดคุยกันจนรู้เรื่องก็ไม่ควรจะมีการเกิดประเด็นนี้ขึ้นมานะครับ.
 
ผมก็ไม่อยากพูดมากนะครับ ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเอง

ถ้ากิจการมันขาดทุนในเหตุผลที่ควรจะเป็น ผู้ร่วมหุ้นที่เหลือคงจะไม่มีใครว่าอะไร

ต้นเหตุของการขาดทุนและปัญหาที่เป็นอยู่ทุกวันนี้คืออะไร ทำไมเราไม่ดูที่ต้นเหตุ

และทำไม ผู้ร่วนหุ้นที่เหลือถึงไม่อยู่ข้างคุณเลย เพราะพวกเราได้เห็นและสัมผัสอะไรหลายๆอย่าง

ส่วนเรื่องโทรศัพท์ ผมก็แค่โทรไปถามว่าโอนมายังเพราะในบัญชีไม่มียอดเข้ามา และผมก็ไม่ได้โทรทุกเดือนนะครับอย่าลืม

เอาเบอร์ผมโทรไปแล้วไม่รับก็ไม่ติดต่อกลับมา ลองเอาเบอร์อื่นโทรไปก็ไม่รับ แต่โทรกลับมา บอกว่าอู่ยังขาดทุนอยู่

แล้วก็วางไป ผมก็นึกในใจว่าคงไม่อยากคุยกับผมมั้ง ก็เพิ่งมารู้วันนี้ว่าสายหลุด ผมถามหน่อยว่านิสัยผมเป็นอย่างนั้นหรือถ้ารู้จักผมดี

ส่ง SMS มาบอกก็ได้ว่ายังไม่พร้อม ถ้า คุณพล เชื่อพวกเราวันที่เอาเงินแสนสุดท้ายออกไปก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
 
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #2,284
ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้คิดว่าคุณพลโกงหรือเลว คืออยากจะให้คุณพลนึกถึงจิตใจคนอื่นบ้างก็เท่านั้นเอง

เงิน 100000 สำหรับผมและเพื่อน มันมีค่า การลงทุนทำอะไรก็ต้องระวังให้ดี คุณพลอาจจะมองว่าเงิน 100000 เป็นเรื่องเล็กน้อย

อู่ทำสีรถ เพื่อนๆผมก็มีทำกันอยู่แถมยังปรึกษาอยู่ด้วยซ้ำ ผมมองยังไงก็ไม่ขาดทุนอย่างที่เพื่อนๆผมมองกัน ได้มากได้น้อยเท่านั้นเอง อยู่ที่ว่ามีรถเข้ามามากหรือน้อย

อู่นี้ก็เช่าเอาไม่ได้ขึ้นโครง สร้างเองซึ่งประหยัดการลงทุนไปได้เยอะ มีปัญหายังสามารถย้ายได้ รวมค่าปั๊มลมค่าเครื่องมือ เงินลงทุนก็ยังเหลือพอหมุนเวียนได้สบาย

การ ทำอู่อยากให้คุณพลนึกถึงค่าใช้จ่ายต้นทุนและความรู้สึกของเพื่อนร่วมหุ้น บ้าง อย่าคิดเร็วทำเร็วจนปัญหาตามมายากเกินที่จะแก้ไข(ต้นเหตุสำหรับทุกๆอย่าง)

ถ้าเป็นเงินของคุณพลคนเดียวคงจะไม่มีใครว่าอะไร จะทำอู่ในอุดมคติอะไรก็แล้วแต่ แต่เงินส่วนนี้เป็นเงินของผู้ร่วมหุ้นที่ร่วมลงทุนกันมา

ผมก็เล่นรถเหมือนกัน และก็ไม่อยากให้เพื่อนโดนหลอกเหมือนกัน แต่ควรจะยึดอยู่ในพื้นฐานความเป็นจริง ของต้นทุน

เงิน 100000 สุดท้ายที่อยู่ในบัญชีร่วมของหุ้นส่วนที่คุณพลเอาไป พวกเราเตือนคุณแล้วจนมีปัญหากันไปรอบนึง คุณพลบอกว่าไง ไม่ไว้ใจผมเหรอ

พวกผมและเพื่อนให้เกียรติคุณจึงเป็นแบบนี้ไง

ส่วน เรื่องช่างโกงอย่าโยนความผิดให้ช่างทั้งหมดเพราะคุณพลเป็นผู้บริหารต้องรู้ ว่ารายจ่ายมีเท่าไรกับรถที่มีอยู่ในอู่ ไม่ใช่จ่ายไปเรื่อย

ถ้าไม่ทำอะไรเกินตัวก็ไม่เป็นแบบนี้ เรื่องบัญชีคุณพลอาจจะไม่สนใจทำตรงนี้ เพราะคุณพลต้องการให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เลยไม่นึกถึงต้นทุน

ขาดตรงไหนคุณพลก็จะหาเงินมาเติมจนจำนวนเงินติดลบมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งมันผิดวิธี พอทวงถามเรื่องบัญชีก็ปัดไปปัดมา

พอบัญชีมาทีก็มาเป็นก้อนเลย เลยทำให้ยอดเงินต่างๆผิดไป บ้างทีรับรถแล้วไม่ได้ลง หรือจ่ายซ้ำซ้อน เลยทำให้จำนวนเงินไม่ชัดเจน

พอจะรับบัญชีมาให้แฟนผู้ร่วมหุ้นทำ ก็อ้างว่าทางบัญชีของคุณพลยังรวบรวมให้ไม่เสร็จ ก็ตีถ่วงออกไปอีก

ส่วนเรื่องตัวแทนผู้บริหารที่เข้ามาดู เดี๋ยวเค้าคงเข้ามาตอบ เท่าที่ผมรู้ทางอู่สร้างภาระไว้พอสมควร

การเพิ่มทุนเพื่อตอบสนองความการ คงไม่มีใครอยากลงเป็นแน่แท้ เพราะที่ผ่านมาก็เห็นอยู่แล้ว

ส่วน เรื่องครอบครัวผมไม่อยากกล่าวในที่นี้เลย เพราะผมได้คุยกับครอบครัวของคุณพลมาแล้วเหมือนกัน ไม่อยากให้เสียกันไปมากกว่านี้ เพราะบ้างสิ่งที่ผมรู้มา อาจจะต้องคิดมากกว่านี้ก่อนลงทุน

บอกแล้วว่าปัญหาได้เคลียร์จบไปแล้ว จึงมีสัญญาฉบับนี้ออกมา และก็มีการโอนเงินมาตามสัญญางวดแรก ยังไงผมก็ยังยึดสัญญาฉบับนี้อยู่เพราะเป็นลายลักษณ์อักษร

ถ้ามีเหตุเลื่อนการชำระเงินเนื่องจากเหตุผลข้างต้นที่อ้างไว้แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่อันควร ถ้าไม่อยากคุยทางโทรศัพท์ก็ pm หรือ sms หรือ e-mail มาบอกก็ได้ครับ

ตรง นี้ไปใช้ปัญหาเพราะเพื่อนกันอย่างที่คุณพลว่า ก็จะไม่เกิดการโพสหน้าเวปเกิดขึ้นแบบนี้ ทางเราก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ เหตุผลที่ต้องมาโพสหน้าเวป

เพราะว่าไร้การติดต่อโดยสิ้นเชิง ผมก็แค่ทำเหมือนกับคนอื่นที่เค้าทำกันในเมื่อขาดการชำระเกิน 3 เดือน ไม่ได้รับการติดต่อก็ต้องเกิดการทวงถาม

เหมือนกับไฟแนนช์หรือเงินกู้ ทั่วๆไป ซึ่งคุณพลก็น่าจะรู้ข้อนี้ดีอยู่นะครับ เพื่อนกันช่วยกันไม่แปลกหรอกครับ อย่าถือว่าเป็นบุญคุณ มันไม่ดี

ผมไม่อายหรอกครับ เพราะผมยืนอยู่ในโลกแห่งความจริง ไม่ได้หลอกตัวเองไปวันๆๆ

ปล.เรื่องตรงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของอู่นะครับ

ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่ตอบอีกแล้ว แต่พอมาอ่านแล้วรู้สึกทำใจไม่ได้อย่างแรง กับการถูกมองว่าเป็นคนโกง ผมติดใจประเด็นที่คุณบอกว่าผมนำเงินอู่ก้อนสุดท้ายไป 100,000 บาทอ่านแล้วน่าสงสารมาก และ เรื่องการทำบัญชีที่คำพูดของคุณเข้าข่ายลักษณะเจตนาว่าผมโกง ผมยอมรับไม่ได้ เพราะผมเองทำด้วยใจไม่คิดโกงใคร หลายบริษัทที่ผมทำอยู่ ผมก็ร่วมหุ้นกับคนอื่นอีกมากและเป็นคนบริหารงานเองทั้งหมด ซึ่งยอดเงินที่จับอยู่ทุกเดือนก็มากกว่ากิจการอู่มากมายนัก ถ้าผมโกงจริง ผมโกงบริษัทที่ผมถือหุ้นอยู่ไม่ดีกว่าหรือ????? เพราะได้เงินเป็นกอบเป็นกำดี ผมจะมาโกงเงินอู่เพื่อให้ตัวเองต้องเสียเงินเพิ่มอีกทำไม?????? ผมโง่ขนาดนั้นเลยหรือ?????? ผมจะขอชี้แจงที่หรั่งกล่าวหาผมดังนี้

1 เรื่องเงิน ผมไม่ได้เป็นคนถือบัญชี เพราะตั้งแต่แรกผมก็เน้นย้ำแล้วว่า ผมต้องการบริหารอย่างเดียวไม่อยากเป็นคนถือเงิน ซึ่งคนถือเงินก็คือภรรยาของคุณโดยเซ็นชื่อร่วมกับผม แต่สมุดเงินฝากทั้งหมดอยู่ที่ภรรยาของคุณ จะเบิกจ่ายเงินแต่ละครั้งก็ต้องแจ้งให้คุณและภรรยาคุณทราบทุกครั้ง ว่าจะเอาไปซื้ออะไร หรือจ่ายค่าอะไร หรือมีบิลมาเบิก ให้จ่ายเงินตามบิล ใช่หรือไม่?????? และเงิน แสนแรกก็คือเงินวางมัดจำอู่ เหลือเงินอีก 4 แสน ซื้อของเข้าอู่ครั้งแรก ก็แสนกว่าบาท ทำรางน้ำฝนสร้างออฟฟิตในครั้งที่ 2 ก็เกือบแสนสรุปเหลือในบัญชีที่สำหรับใช้หมุนเวียนอู่แสนกว่าบาท ซึ่งการเปิดอู่ใหม่ๆต้องซื้อด้วยเงินสดเท่านั้นไม่สามารถใช้เครดิตได้ เงินแสนกว่าบาทจึงหมดไปกับการจ่ายค่าวัตถุดิบในเดือนที่ 1-3 ใช่หรือไม่???????
2 เรื่องบัญชี ที่ประชุมตกลงกันว่าบรรดาภรรยของผู้ถือหุ้นทั้งหลายจะมาทำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่แรก โดยผมมีหน้าที่แยกบิลที่ใช้จ่ายและบิลที่เปิดเก็บเงินจากลูกค้าไว้ให้ ซึ่งการลงบัญชีผมก็ไม่ได้เป็นคนลงตั้งแต่แรกใช่หรือไม่????? สุดท้ายไม่มีใครมาเลย จนมันหมักหมมอยู่หลายเดือน ผมจึงต้องจ้างลูกน้องมาช่วยกรอกเอกสาร รับ-จ่าย ซึ่งลูกน้องผมจะเอากลับบ้านไปทำ และมันค้างมากจึงต้องเสียเวลากรอกข้อมูล และที่กรอกซ้ำก็เกิดจากการผิดพลาดของลูกน้องผม และจำนวนเงินที่กรอกผิดพลาดก็ไม่ได้เยอะจนทำให้ตัวเลขผิดเพี้ยนไปมากนัก ซึ่งผมก็ขอโทษและทำการแก้ไขให้แล้ว
2.1 เรื่องรายรับ พวกคุณก็เข้ามาเช็คในนี้ตลอดว่ามีรถเข้ามาทำทั้งหมดกี่คัน พวกคุณก็รับรู้และก็ตรงกับเอกสารทางบัญชีทั้งหมดใช่หรือไม่????? และผมก็มีทะเบียนประวัติรถที่เข้ามาทำทุกคัน พวกคุณก็เอาไปเช็คทั้งหมดแล้ว ใช่หรือไม่????? รถไม่ได้ทำแค่วันสองวันนะครับถึงจะปิดซ่อนเอาไว้ได้ พวกคุณก็เข้ามาเป็นระยะๆไม่ใช่หรือแล้วผมจะโกงอย่างไร????
2.2 เรื่องรายจ่าย ผมซื้อของทุกครั้งมีบิลทุกครั้ง ไม่มีการเบิกจ่ายโดยปากเปล่า ถ้ามีก็เป็นยอดเงินที่น้อยมากไม่มีผลจนกระทบกับกำไรหรือขาดทุนนะครับ และที่สำคัญผมพยายามหลีกเลี่ยงการไปซื้อของเอง ผมจึงพยายามโทรหาพวกคุณให้ซื้อของ หรือ อุปกรณ์มาให้ หรือทำการสั่งซื้อของโดยให้ sup มาส่งให้ โดยเปิดบิลแวทด้วยซ้ำที่สามารถทำได้เพื่อป้องกันข้อครหา ซึ่งบิลค่าใช้จ่ายทุกใบ ผมสามารถตอบที่มาที่ไปได้หมดครับ


ผมพยายามทำทุกอย่างให้มันโปร่งใส ชัดเจน ก็ไม่วายที่พวกคุณจะมองผมแบบนั้น และวันนี้คุณกลับเลือกที่จะพูดบางส่วนเพื่อให้คนอื่นมองผมว่าเป็นคนโกง คุณพิมพ์เหมือนรู้อะไรแต่ปิดบังไว้ทำให้คนอื่นเชื่อถือในคำพูดเหล่านั้น ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรในก่อไผ่เลยซักอย่าง ผมรับไม่ได้ครับ

ส่วนเรื่องอื่น เช่นช่างโกง ผมก็ไม่ได้โยนความผิดให้ช่าง มีตอนไหนบ้างครับที่ผมโยนความผิดให้ ผมก็บอกอยู่โต้งๆว่าผมผิด ผมก็แสดงความรับผิดโดยพยายามใส่เงินเข้าไปในระบบ โดยไม่นำมาคิดเป็นต้นทุนกับพวกคุณ กลับกลายเป็นว่าผมมีส่วนร่วมกับช่างด้วยอีกหรือครับ???????
เรื่องเงินซื้อหุ้นคืน โปรดเข้าใจด้วยว่าเป็นสัญญาซื้อขายหุ้นนะครับ ไม่เป็นสัญญากู้ยืมเงิน คุณไม่มีสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้นในการทวงถามลักษณะเช่นนี้มันเข้าข่ายทำให้ผมเสียชื่อเสียงนะครับ ถ้าผิดสัญญาพวกคุณก็กลับเข้ามามีหุ้นส่วนในอู่เหมือนเดิม ส่วนเงินที่ผมจ่ายให้พวกคุณไปแล้วก็เป็นโมฆะไม่ต้องมาคืนผม แล้วเราก็กลับมาคุยกันว่าตกลงจะเอาอย่างไรต่อ จะขายหุ้นให้คนอื่นหรือไม่ อันนั้นเรื่องของคุณเพราะผมผิดสัญญาไปแล้ว ถูกต้องหรือไม่???????

ตอนนี้ผมก็ยังพยายามดำเนินกิจการอู่ เพื่อนำมาชำระค่าซื้อหุ้นตามสัญญาฉบับนี้อยู่นะครับ เพื่อให้หุ้นส่วนทุกท่านได้รับเงินครบถ้วนทุกคน ถ้าไม่พึงพอใจจะบอกเลิกสัญญา พวกคุณก็ทำได้ครับ บอกแล้วก็กลับเข้ามาบริหารต่อ ผมจะถอยออกไปเองครับ โดยทิ้งเงินที่ผมลงไว้ให้พวกคุณทั้งหมดไม่ต้องมาคืนค่าหุ้นและเงินยืมของอู่ที่ติดผมครับ ผมยกให้ เอามั้ยครับ แต่หากเข้าใจผมดีแล้วผมก็จะดำเนินการจ่ายเงินให้พวกคุณตามสัญญาฉบับดังกล่าว ตามกำลังความสามารถของผม


สรุป ผมกับพวกคุณต่างก็มีมุมมองที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง หาข้อยุติไม่ให้ถกเถียงกันไม่ได้หรอกครับ วันนี้ผมพิมพ์บอกไปอย่างนี้ พรุ่งนี้คุณก็พิมพ์แก้ต่างและแย้งอีกมุมขึ้นมา มันก็จะไม่จบแน่นอนครับ และจะทำให้สิ้นเปลีองเนื้อที่ของเวปไป ซื่งวันนี้ผมโทรไปขอโทษพี่ลอง(ประธานเวป)แล้วว่าขออนุญาตใช้เนื้อที่ของเวปตอบกระทู้เหล่านี้ ซื่งพี่ลองก็ใจดีบอกไม่มีปัญหาเพราะเป็นปัญหาผมไม่ใช่ปัญหาเวปและพี่ก็แจ้งสิทธิของการเป็นสมาชิกและเป็นเจ้าของกระทู้นี้คร่าว ซึ่งผมก็ขอใช้สิทธิขออนุญาตพี่ลองว่า ไม่ต้องลบกระทู้นี้ออกครับ เพราะอยากให้คนอื่นอ่านเพื่อเป็นอุทาหรณ์ในการทำธุรกิจร่วมกันกับเพื่อน และจะได้รู้กันไปว่า ผมเป็นคนอย่างไร??????? ผมว่า ตามที่ภรรยาผม(ขอโทษด้วยที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง)และผมพิมพ์มาทั้งหมดนี้ ทุกท่านที่เคยสัมผัสผมคงจะเข้าใจดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในอู่ ส่วนท่านที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ก็คงเข้าใจทั้งหมดได้ในวันนี้แล้วนะครับ สรุปตามที่ภรรยาผมบอก ผิดทั้งคู่ ครับ แต่ผมไม่โกงแน่นอนครับ และส่วนผมจะอยู่ในโลกแห่งความฝันหรือความจริงนั้นเวลาเท่านั้นครับเป็นเครื่องพิสูจน์
 
แก้ไขล่าสุด:
ผมก็บอกอยู่แล้วว่าคุณไม่ได้โกง แค่ไม่ใส่ใจต้นทุนแค่นั้นเอง ว่าไปซะยาวเลย

อย่างว่าต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง ผมก็ยังดีใจที่เพื่อนร่วมหุ้นยังยืนอยู่ข้างผม
 
คุณพล ดูคิวให้ด้วยะคับ ไม่รีบคับ พรุ่งนี้จะให้ลูกน้องแวะเอารถไปให้ดูก่อนนะคับ
 
รูปเบื้องต้นครับ

 
ไปพาดโดนอะไรมาล่ะครับพี่เอก
 
แก้ไขล่าสุด:
ไปพาดโนอะไรมาล่ะครับพี่เอก

ลูกน้องมันเสียดายค่าทางด่วน(วงแหวน) เลยไปวิ่งเลียบวงแหวน ไปโดนกิ่งไม้ เซ็งเลย ค่า Excess ค่าน้ำมันวิ่งไปอู่ แพงกว่าอีก เครสเสียดายค่าทางด่วนนี่ เจอคันที่ 2 แล้ว คันก่อนนี้ ล้อเบียดราวสะพาน ยางระเบิด ค่ายางแพงกว่า ค่าทางด่วน เหมือนเดิม วันนี้ออกเป็นคำสั่งแล้ว พูดแล้วเซ็ง บ่นยาวเลยเรา หุหุ
 
พิมพ์ผิด พาดโน แก้เป็น "พาดโดน"
 
ลูกน้องมันเสียดายค่าทางด่วน(วงแหวน) เลยไปวิ่งเลียบวงแหวน ไปโดนกิ่งไม้ เซ็งเลย ค่า Excess ค่าน้ำมันวิ่งไปอู่ แพงกว่าอีก เครสเสียดายค่าทางด่วนนี่ เจอคันที่ 2 แล้ว คันก่อนนี้ ล้อเบียดราวสะพาน ยางระเบิด ค่ายางแพงกว่า ค่าทางด่วน เหมือนเดิม วันนี้ออกเป็นคำสั่งแล้ว พูดแล้วเซ็ง บ่นยาวเลยเรา หุหุ

อายุน้อยก็งี้แหละครับ:coolly-0012:
 
ในนามของชมรม Cefiro-Thailand คงไม่สามารถไปก้าวก่ายในปัญหาที่เกิดขึ้น และยินดีให้เว็ปนี้เป็นช่องทางหนึ่งเพื่อการพูดคุยเจรจาสื่อสารกันทางตัวอักษรระหว่างผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ข้อยุติในทางที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย (WIN-WIN) แต่อย่างไรก็ดี หากมีการใช้คำหรือข้อความที่ไม่เหมาะสม คำหยาบคาย หรือคำใดๆ ก็ตามที่ค่อนข้างรุนแรงตามมาตรฐานทางสังคม ขอใช้สิทธิ์ของชมรมลบในคำหรือข้อความนั้นๆ ทั้งนี้ทางชมรมเชื่อว่า ปัญหาที่เกิดคงได้ข้อยุติที่ดีทุกฝ่ายครับ
 
ผมพอจะรับรู้เรื่องราวของการดำเนินงานของอู่มาตลอด ยังไงก้อขอเป็นกำลังใจให้กับทีมงานบริหารงานอู่ ขอให้เรื่องราวผ่านพ้นไปด้วยดี....สู้ๆ..
 
ขอบคุณชมรม Cefiro-Thailand ครับที่เป็นสื่อกลาง

และขออภัยทุกท่านอีกครั้งนะครับที่เข้ามารบกวน

ยังไงผมก็ยังยืนยันคำเดิมครับว่า คุณพลไม่ได้โกง ต่างคนต่างเจ็บ และมีบทเรียนเป็นของตนเอง

ผมยอมรับความเห็นแก่ตัวนี้ไปครับ และก็รอคำสัญญาที่คุณพลได้ให้ไว้

อย่างที่คุณพลว่า กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองครับ


-------------------END-----------------------
 
ขออภัยในความไม่สะดวกครับทุกท่าน
ผมอดีตหุ้นส่วน ที่เคยวิ่งไปกลับ นครปฐม-ลำลูกกา (แถมมีลูกเหมือนกัน แต่เด็กกว่า) ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่เดือนนึง (07.00 น.-22.00 น.) ไม่มีวันหยุด เคาน์ดาวน์ที่อู่กับช่าง ช่วงปีใหม่พอดี ที่ทำให้คุณพลเสียเงินไปแสนนึง และหลังจากนั้นไม่รู้รับกลับมาเท่าไร ปัญหาต่างๆ พอรู้ระดับหนึ่งกับระบบที่ขาดทุนต่อเนื่องมายาว และขออำนาจคุณพระสรีรัตนตรับดลบัลดาลให้มีกำไรสักที เข้าเรื่องนะครับก่อนทำสัญญาฉบับนี้ด้วยความเคารพ นะครับคุณพล ถ้าผมจะยกคำพูดที่คุณไม่รู้จำได้หรือป่าวต้องขออภัยไว้ก่อนนะครับ คุณบอกว่าอู่จะกำไรหรือขาดทุน คุณก็สามารถจ่ายให้ได้ 20,000 บาทซึ่งพวกผมก็เลยตกหลุม (ขออภัย ชอถอนคำพูดว่าตกหลุม ) พวกผมเลยตกลงทำสัญญากับคุณไง เอาเท่านี้แล้วกัน ส่วนเรื่องลึกลับภายในอู่ ทั้งดีและไม่ดี เราไม่พูดกัน
 
แก้ไขล่าสุด:
เริ่มมีเค้าโครงมาอีกแล้ว.
 
เศษเหล็ก....ข้อคิดกำลังใจจากในหลวง

ที่มา : พระราชดำรัสบทนี้พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตรัสให้กับ
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ซึ่งเป็นองคมนตรี



ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ในสภาพจิตใจที่แย่มากมันไม่มีกำลังใจจะทำอะไร
ท้อแท้กับงานมากไม่มีใครเข้าใจ

" เหมือนทำดีแต่ไม่ได้ดี"

ในหลวงท่านทรงเสด็จมาพอดี และท่านได้เห็นสีหน้าผมไม่สู้จะดี
ท่านได้สอบถามจนได้ความว่าผมกำลัง ท้อแท้กับงาน

ท่านจึงตั้งคำถาม และรับสั่งว่า.....

ท่านสุเมธเคยขาย เศษเหล็กไหม เศษเหล็กเหล่านั้น เวลาขาย คุณค่ามันต่ำมาก
ใช่ไหม คงได้เงินมาไม่กี่บาทใช่ไหม?
แล้วถ้าเราเอาเศษเหล็กเหล่านั้นมาหลอมรวม กันเป็นแท่งเวลาหลอมนี่
เหล็กมันคงรู้สึกร้อนมากใช่ไหม?พอหลอมเสร็จเรานำ มาทำเป็นดาบ
คงต้องนำมาตีให้แบนอีกใช่ไหม?เวลาตีก็ต้องคอยเอาไปเผาไปด้วย
ต้อง ตีไป เผาไป อยู่หลายรอบนกว่าเป็นรูปเป็นร่าง ดาบอย่างที่เราต้องการ

ต้องผ่านความเจ็บปวดร้อนอยู่นานแถมเมื่อเสร็จแล้วถ้าจะให้สวยงามดังใจ
ก็ต้องนำไปแกะลวดลายอีกใช่ไหม? เวลาที่แกะลวดลายก็คงต้องใช้ของ
แข็งมีคมมาตีให้เป็นลวดลายอีก
แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงามก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก
เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ...
จะเห็นว่ากว่าที่เศษเหล็กไม่มีคุณค่ามากนัก จะกลายเป็นดาบ
อันงดงามนั้นต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย
ทั้งความเจ็บปวดต่างๆกว่าจะประสบความสำเร็จดังนั้นขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า ...

"ใครไม่เคยถูกตีถูกทุบ เจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาเลยนั้น
จงอย่าได้คิดทำการใหญ่"
 
เศษเหล็ก....ข้อคิดกำลังใจจากในหลวง

ที่มา : พระราชดำรัสบทนี้พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตรัสให้กับ
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ซึ่งเป็นองคมนตรี



ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ในสภาพจิตใจที่แย่มากมันไม่มีกำลังใจจะทำอะไร
ท้อแท้กับงานมากไม่มีใครเข้าใจ

" เหมือนทำดีแต่ไม่ได้ดี"

ในหลวงท่านทรงเสด็จมาพอดี และท่านได้เห็นสีหน้าผมไม่สู้จะดี
ท่านได้สอบถามจนได้ความว่าผมกำลัง ท้อแท้กับงาน

ท่านจึงตั้งคำถาม และรับสั่งว่า.....

ท่านสุเมธเคยขาย เศษเหล็กไหม เศษเหล็กเหล่านั้น เวลาขาย คุณค่ามันต่ำมาก
ใช่ไหม คงได้เงินมาไม่กี่บาทใช่ไหม?
แล้วถ้าเราเอาเศษเหล็กเหล่านั้นมาหลอมรวม กันเป็นแท่งเวลาหลอมนี่
เหล็กมันคงรู้สึกร้อนมากใช่ไหม?พอหลอมเสร็จเรานำ มาทำเป็นดาบ
คงต้องนำมาตีให้แบนอีกใช่ไหม?เวลาตีก็ต้องคอยเอาไปเผาไปด้วย
ต้อง ตีไป เผาไป อยู่หลายรอบนกว่าเป็นรูปเป็นร่าง ดาบอย่างที่เราต้องการ

ต้องผ่านความเจ็บปวดร้อนอยู่นานแถมเมื่อเสร็จแล้วถ้าจะให้สวยงามดังใจ
ก็ต้องนำไปแกะลวดลายอีกใช่ไหม? เวลาที่แกะลวดลายก็คงต้องใช้ของ
แข็งมีคมมาตีให้เป็นลวดลายอีก
แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงามก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก
เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ...
จะเห็นว่ากว่าที่เศษเหล็กไม่มีคุณค่ามากนัก จะกลายเป็นดาบ
อันงดงามนั้นต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย
ทั้งความเจ็บปวดต่างๆกว่าจะประสบความสำเร็จดังนั้นขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า ...

"ใครไม่เคยถูกตีถูกทุบ เจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาเลยนั้น
จงอย่าได้คิดทำการใหญ่"

ซึ้งครับ:coolly-0003::coolly-0003::coolly-0003::coolly-0003::coolly-0003:
 

กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see
กลับ
ยอดนิยม