ยำอีกแระ เลยต้องโชว์ซะหน่อย พักนี้ยิงเยอะเกิน(เก็บไว้ยิงอาทิตย์นี้บ้างก็ดี):augenrollen:
UCL : Marseille 0 - 4 Liverpool
สนาม : สต๊าด เวโลโดรม
ประตู : 0-1 สตีเฟ่น
เจอร์ราร์ด น.4, 0-2 เฟร์นันโด
ตอร์เรส น.11, 0-3 เดิร์ค
เคาท์ น.48, 0-4 ไรอัน
บาเบิล น.90
"หงส์แดง" สร้างปาฏิหารย์ด้วยสองเท้าได้สำเร็จ เมื่อบุกไปถล่ม "โอแอ็ม" แบบ
มวยคนละชั้นในเกมสุดท้ายกระพือปีกสีแดงบินสู่รอบต่อไปจนได้
เกมนัดตัดสินชะตาว่าทีมใดจะได้ผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเกมนี้เจ้าถิ่นมาร์กเซย์ ที่ต้องการแค่ผลเสมอไม่สามารถเข็นซาเมียร์ นาสรี่ จอมทัพดาวรุ่งตัวเก่งลงเป็นตัวจริงไหวโดยมีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น
ด้าน
ลิเวอร์พูล ที่เคยวิกฤติจาก 3 นัดแรกมีแค่แต้มเดียวก่อนชนะใน 2 เกมก่อนหน้า นัดนี้ต้องการชัยชนะสถานเดียวจัด
ผู้เล่นมาเน้นเกมรุกแบบเต็มๆโดยราฟา
เบนิเตซ เรียกแฮร์รี่
คีลล์และยอสซี่
เบนายูน ลงสนามเป็นตัวเดินเกมริมเส้น ขณะที่แนวรุกเดิร์ค
เคาท์ได้จับคู่กับเฟร์นันโด
ตอร์เรส กองนห้าหมายเลขหนึ่ง
และ
ลิเวอร์พูล ก็เริ่มต้นได้เหมือนฝัน โดยแค่นาทีที่ 4 เท่านั้นก็มาได้ลูกจุดโทษหลังจากที่
เคาท์ เปิดโด่งให้
เจอร์ราร์ด วิ่งไปรับบอลก่อนหลุดเดี่ยวควบเข้าเขตโทษและโดนกาแอล ชิเว่ต์ เสียบล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันที ท่ามกลางการประท้วงของ
ผู้เล่นโอแอ็ม ที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสิน
<CENTER]
</CENTER>
อย่างไรก็ดี
เจอร์ราร์ด ไม่สนใจการประท้วงขอยิงจุดโทษด้วยตัวเอง ซึ่งจังหวะแรกทำใจแป้วเมื่อยิงไปติดเซฟของนายทวาร สตีฟ มองดองด้า แต่บอลยังเป็นใจกระดอนมาเข้าเท้าทำให้ตามซ้ำเข้าไปได้ ทำให้
ลิเวอร์พูลได้ประตูที่ต้องการขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว
<CENTER]
</CENTER>
ความฝันของหงส์แดงยังไม่จบ เมื่อมาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 อีกในนาทีที่ 11 เมื่อ
คีลล์ จ่ายให้
ตอร์เรสได้พลิกบอลก่อนจะลากเลื้อยหลบ 2 กองหลังโอแอ็มในเขตโทษและเลือกยิงผ่านมองดองด้า เข้าไปอย่างเลือกเย็นและเหนือชั้นสุดๆ
ได้ประตูนี้ทำให้สถานการณ์ของ
ลิเวอร์พูลคลายความกดดันลงไปมาก ตรงข้ามกับมาร์กเซย์ที่ตกอยู่ใต้ความเครียดเพราะต้องทำอย่างน้อย 2 ประตูเพื่อให้เข้ารอบ ซึ่ง
นักเตะโอแอ็ม ก็พยายามจะเรียกจังหวะของตัวเองกลับมาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากแม้จะครองบอลได้แต่ก็ไม่สามารถเจาะพื้นที่สุดท้ายของ
ลิเวอร์พูลได้
ซ้ำร้ายเมื่อได้โอกาสดีๆที่หาได้ยากของโอแอ็ม ก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อวัลบูเอน่า มิดฟิลด์ตัวจี๊ดที่ทำประตูชัยในเกมแรกที่แอนฟิลด์ ได้โอกาสหลุดเข้าไปในเขตโทษแล้วแต่จับบอลจังหวะแรกไม่ดี ทำให้โดน
เรน่า ปิดมุมและเลี้ยงบอลออกเส้นหลังไปเอง
และเมื่อบอลยังคงอยู่ในการครอบครองส่วนใหญ่ของโอแอ็ม แต่ก็ขาดความสร้างสรรค์และความเฉียบขาด ทำให้เอริค เกเร็ตส์ ไม่มีทางเลือกต้องส่งซาเมียร์ นาสรี่ เพลย์เมคเกอร์ดาวรุ่งลงสนามมาแทนเบอนัวต์ เชย์รู ตั้งแต่นาทีที่ 35
ความคล่องแคล่วของนาสรี่ ช่วยปั่นป่วนเกมรับของ
ลิเวอร์พูลได้ไม่น้อย โดยสามารถเรียกฟาวล์ได้หลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายทีมเยือนยังดูน่ากลัวกว่าเยอะ โดยมีโอกาสจะได้ประตูอีก 2 ครั้งติดๆกันจากฟรีคิกของ
เจอร์ราร์ด ที่ปั่นข้ามกำแพงหลุดกรอบไปแค่นิดเดียว ก่อนที่
คีลล์ จะได้ตั้งป้อมวอลเล่ย์ในเขตโทษจากจังหวะลูกฟรีคิก และเหินข้ามคานไป
สองจังหวะนี้ทำเอาเกมของโอแอ็ม ชะงักแถมก่อนหมดครึ่งแรกไม่นาน
ตอร์เรส ยังมีโอกาสได้ลากบอลหลบชิเว่ต์ เข้าไปถึงหน้าเขตโทษก่อนจิ้มบอลข้ามคานออกไปอีก ก่อนจะมาเสียชิเว่ต์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากจังหวะเบียดโหม่งกับ
ตอร์เรสจนต้องเปลี่ยนตัวออกให้ฌักส์ ฟาตี ลงมาแทนในช่วงก่อนหมดครึ่งแรกที่มาร์กเซย์ ไม่ต่างอะไรกับการตกอยู่ในฝันร้าย
<CENTER]
</CENTER>
เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง เกเร็ตส์ ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายทันทีโดยส่งฌิบริล ซิสเซ่ ลงมาช่วยมามาดู เนียง ในแดนหน้าอีกคน แต่กลับต้องมาเสียประตูที่สามอีก เมื่อมองดองด้า เตะสกัดบอลจากประตูไม่ดีมาเข้าเท้า
คีลล์ เก็บบอลได้ริมเส้นก่อนตวัดเข้ากลางไป ปรากฎว่าแนวรับของโอแอ็มเหม่อมัวแต่มอง
ตอร์เรส ปล่อยให้
เคาท์ วิ่งแล่บหลุดเดี่ยวเข้าไปเลือกยิงผ่านมองดองด้า เข้าไปแบบสบายๆ
เมื่อเกมขาดขนาดนี้
นักเตะทีมเยือนก็ยิ่งเล่นกันสบายอารมณ์มากขึ้น โดยไม่เน้นในเกมรุกแต่ยังคุมเกมรับแน่นไว้เหมือนเดิม แต่ก็มีจังหวะพลาดให้ซิสเซ่ ได้ลองโหม่งถากเสาออกไปค่นิดเดียวเท่านั้น
ช่วงเวลาที่เหลือ
ลิเวอร์พูล คุมเกมไว้ได้ทั้งหมดและทยอยเปลี่ยนเอาตัวหลักอย่าง
คีลล์และ
ตอร์เรสออกมา แต่เกือบต้องมาเสีย
มาสเคราโน่ ที่ได้รับบาดเจ็บไปจากจังหวะที่พยายามเข้าบล็อกคู่ต่อสู้แต่ไปโดน
ฮูเปีย ยันเข้าเต็มแข้งต้องหามออกมานอกสนาม แต่ก็กลับมาลงสนามใหม่ได้อีกครั้ง
<CENTER]
</CENTER>
ก่อนหมดเวลา
ลิเวอร์พูล ก็ยังมาได้ประตูที่ 4 ปิดท้ายอีก เมื่อ
ออเรลิโอ วางบอลให้
บาเบิล สปีดแซงฟาติ ก่อนแตะหลบผู้รักษาประตูมองดองด้า และส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายสบายๆ และเป็นประตูปิดท้าย 4-0 ของหงส์แดง ที่ได้เข้ารอบน็อคเอาต์เป็นที่ 2 ของกลุ่มเอ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
มาร์กเซย์
สตีฟ มองดองด้า, โลร็องต์ บงนาร์, ฌูเลียง โรดริเกซ, กาแอล ชิเว่ต์ (ฌักส์ ฟาติ น.45) , ตาเย ตาอิโว่, เบอนัวต์ เชย์รู (ซาเมียร์ นาสรี่ น.34) , คาริม ซิยานี่, เบาเดอไวน์ เซนเด้น (ฌิบริล ซิสเซ่ น.46) , โลริค คานา, มาติเยอ วัลบูเอน่า, มามาดู เนียง
ใบเหลือง : คาน่า น.41
ลิเวอร์พูล
โฆเซ่ มาฯูเอล
เรน่า, อัลบาโร่
อาร์เบลัว, เจมี่
คาร์ราเกอร์, ซามี่
ฮูเปีย, ยอห์น อาร์เน่
ริเซ่, ยอสซี่
เบนายูน, ฮาเวียร์
มาสเคราโน่, สตีเฟ่น
เจอร์ราร์ด, แฮร์รี่
คีลล์ (ฟาบิโอ
ออเรลิโอ น.67) , เดิร์ค
เคาท์ (ลูคัส
ไลวา น.85) , เฟร์นันโด
ตอร์เรส (ไรอัน
บาเบิล น.77)
ใบเหลือง : คาร์ราเกอร์ น.29
ผู้ตัดสิน : เทอร์เย่ เฮาเก้ (นอร์เวย์)
Liverpool.in.th