- กระทู้ ผู้เขียน
- #1
กระบวนการยุติธรรมในบ้านเมืองเรา ที่ยึดถือปฏิบัติกันมาช้านานนั้น ใครจะกล่าวหาใครก็ได้ แต่การตัดสินผิดหรือถูก จะต้องตัดสินกันด้วยประจักษ์พยานหลักฐาน ที่มีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ
จะเล่นงานใครผิด ก็ต้องมีพยาน หลักฐานที่ เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดมามัดกันจรืงๆ หากมีแค่พยานแวดล้อมย่อมไม่มีน้ำหนักจะตัดสินลงโทษใครได้
แต่ภายหลัง บรรทัดฐานชักจะปแรเปลี่ยนไป...จากการตัดสินความผิดกันที่พยาน หลักฐานมาเป็นการตัดสินกันที่ "ความน่าจะเป็น" (ซึ่งอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้)
คำฮอตฮิตที่ใช่กันเป็นสูตรสำเร็จก็คือ พอจะเชื่อได้ว่า (อย่างนั้น)
พอจะเชือ่ได้ว่า (อย่างนี้)
อาทิ พอจะเชื่อได้ว่า ฝ่ายหนึ่งกระทำการจ้างเลือกตั้ง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งนั้น พอจะเชื่อได้ว่า ไม่ได้จ้างล้มเลือกตั้ง
พอจะเชือ่ได้ว่า (อย่างนี้)
อาทิ พอจะเชื่อได้ว่า ฝ่ายหนึ่งกระทำการจ้างเลือกตั้ง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งนั้น พอจะเชื่อได้ว่า ไม่ได้จ้างล้มเลือกตั้ง
บรรทัดฐานการยุติธรรมที่เบี่ยงเบนไป ทำให้สังคมเต็มไปด้วยการกล่าวหาและข้อกล่าวหา เพราะสามารถจะกล่าวหากันได้ง่ายๆ
ยิ่งสังคมอยู่ในยุคของการแยกค่าย แบ่งขั้ว และทำการต่อสู้กันเป็ฯพัลวัน ข้อกล่าวหาก็ยิ่งถี่ขึ้นและนับวันยิ่งรุ่นแรงมากขึ้น
ยิ่งมีการให้อำนาจองค์กรพิเศษ เช่น คตส. กล่าวหาใครได้ไม่จำกัด โดยมีเกราะทางกฎหมายคุ้มกันให้ความรุนแรง และการทำลายล้าง ก็ย่อมเกิดขึ้นไม่รู้จบ
วาระลงประชามติรัฐธรรมนูญใกล้เจ้ามาข้อกล่าวหาฮิตที่สุดยามนี้ก็คือ...
จ้างคว่ำรัฐธรรมนูญหัวละ 200 บาท ซื้อตัวผู้สมัครส.ส.เกรดเอหัวละ 30 ล้านบาท
จ้างคว่ำรัฐธรรมนูญหัวละ 200 บาท ซื้อตัวผู้สมัครส.ส.เกรดเอหัวละ 30 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรีถึงกับลงมาชี้นำเองว่า จ้อมูลนี้ มีความน่าเชื่อถือแต่ก็นั้นแหละ เป็นความเชื่อ ทั้งที่เจ้าตัวก็ยอมรับว่า ไม่มีหลักฐานอยู่ในมือ
การลงประชามติรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีเดิมพันสูง คมช. และรัฐบาล ยืนในจุดเดียวกัน จะต้องทุ่มเทให้รับรัฐธรรมนูญให้ได้ ส่วนฝ่ายอำนาจเก่า ก็ต้องการที่จะคว่ำ เพื่อดิสเครดิต คมช. และรัฐบาล
จึงไม่แปลก ที่จะมีการระดมสื่อของรัฐทั้งมวลทำการปูพรากรอกหูชาวบ้านให้รับรัฐธรรมนูญ พร้อมกับสร้างน้ำหนักทางข่าวสารให้เห้นว่า อีกฝ่ายหนึ่งกำลังใช้วิธีสกปรกทั้งจ้างและซื้อตัวผู้สมัคร
ฝ่ายไหนจะเป็นคนว่าจ้าง มันก้เป็นไปได้ทั้งสองฝ่ายแหละ ในประวัติศาสตร์ก็ไม่เห็นว่า ใครจะบริสุทธิ์ผุดผ่องในเรื่องกันเลย
ยุครสช. รุ่นพี่ของคมช. ก็ใช้วิธีการกว้านซื้อตัวส.ส. เกรดเอทั้งหลายมาเข้าพรรคสามัคคีธรรม ทำให้พรรคร่งทรงรสช. ได้รับเลือกเป็นอันดับ 1 แซงหน้าทั้งพรรคประชาธิปัตย์และชาติไทย
ไม่เห็นจะยากตรงไหน การใช้งบราชการลับ ไม่มียุคไหนจะสะดวกสบายเท่ากับยุคที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยแล้ว
ฉะนั้น ข้อกล่าวหาใครจ้าง ใครซื้อ มันก้เป็นไปได้ทุกฝ่ายแหละ ยิ่งฝ่ายที่มีอำนาจอยู่ในมือ ก็ยิ่งจะทำได้อย่างถนัดมือมากกว่า
ขนาดแหกกฎหมายเลือกตั้ง โดยการขนคนไปลงประชามติ ก็ยังยืนกรานใสซื่ออยู่เลยว่า แค่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเท่านั้น...
ชาญชัย สงวนวงศ์
ฉะนั้น ข้อกล่าวหาใครจ้าง ใครซื้อ มันก้เป็นไปได้ทุกฝ่ายแหละ ยิ่งฝ่ายที่มีอำนาจอยู่ในมือ ก็ยิ่งจะทำได้อย่างถนัดมือมากกว่า
ขนาดแหกกฎหมายเลือกตั้ง โดยการขนคนไปลงประชามติ ก็ยังยืนกรานใสซื่ออยู่เลยว่า แค่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเท่านั้น...
ชาญชัย สงวนวงศ์