- เข้าร่วม
- 25 เม.ย. 2007
- ข้อความ
- 3,358
- กระทู้ ผู้เขียน
- #1
พอดีไปเจอมาไม่รู้จริงรึเปล่า ถ้าจริง มันแน่ 555
กรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี
1500 = 4,100
1600 = 4,500
1800 = 5,300
2000 = 6,300
2400 = 9,100
3000 = 14,500
อีกไม่นาน พวกกระบะ 4 ประตู เจอภาษีเป็นหมื่นแล้วครับ ฟังข่าวแว่วๆ มาว่าการจัดเก็บภาษีจะเสนอเข้า ครม.เร็วๆนี้
การปรับเก็บภาษีรถยนต์รายปี...ใหม่อัตราเพิ่ม 2 เท่า
ได้ข่าวมาจากกรมการขนส่งทาง บก ( MOTC news) คราวนี้รัฐเอาจริง จะปรับปรุงอัตราค่าภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปีทุกชนิด รวมถึงรถบรรทุกด้วย โดยหยิบยกเอาสาระมาให้อ่านกันที่เป็นเฉพาะ Highlight ที่สำคัญๆ มาได้ดังนี้
ในขณะนี้กระทรวงการคลังร่วมกับกรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี ซึ่งเป็นการปรับภายใต้ พ.ร.บ.รถยนต์และพ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 โดยจะปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากปัจจุบัน
คราวนี้ล่ะรถใครรถมันคิดกันเอาเอง ใครเครื่องแรงแซงโลด...ต้องมาเจ็บปวดกับการรับภาระนี้......
แต่เอ๊!!!!! ถ้ามีตังค์ซื้อรถได้...ก็น่าจะจ่ายค่าภาษีได้ด้วยมั๊ง
ภาษีป้ายรถยนต์ใหม่ที่จะประกาศใช้เร็วๆ นี้ จะเก็บตามขนาดความจุกระบอกสูบรถยนต์ ที่คิดเป็นลูกบาศก์เซนติเมตร หรือ ซีซี.
สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง แต่มี Highlight สุดๆ ยิ่งกว่านั้น คือจะมีหลักเกณฑ์เก็บใหม่คือ จะเก็บภาษีตามมูลค่ารถยนต์ สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่งที่มีราคาขายตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้รถยนต์ราคาสูงๆ จะถูกเก็บภาษี 2 ต่อคือเก็บภาษีทั้งตามขนาด ! ซีซี.ของเครื่องยนต์ และตามมูลค่ารถ ประเด็นที่สองอาจปรับภาษีป้ายรถยนต์เกิน 7 ที่นั่งซึ่งปัจจุบันเก็บตามน้ำหนักอีกด้วย
มาดูการสร้างโครงร่างภาษีใหม่มีดังนี้
OLD ของเดิม (ปัจจุบัน) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งเก็บภาษีโดย
1 - 600 cc แรก เก็บ 50 สตางค์/ cc
601 - 1,800 CC เก็บ 1.50 บาท/ cc
1,801 cc ขึ้นไป เก็บ 4 บาท/ cc
NEW ใหม่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 เก็บภาษีโดย
1. การปรับภาษีป้ายกรณีรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง ( รถเก๋ง) อาจปรับเพิ่มภาษี ตามขนาดความจุกระบอกสูบคิดเป็น cc ดังนี้
รถยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 600 cc เสียภาษี 2 บาท/ cc
ขนาด 601-1,300 cc เสียภาษี 3 บาท/ cc
ขนาด 1,301-1,800 cc เสียภาษี 4 บาท/ cc
ขนาด 1,801-2,000 cc เสียภาษี 5 บาท/ cc
ขนาด 2,001-2,400 cc เสียภาษี 7 บาท/ cc
ขนาด 2,401-3,000 cc เสียภาษี 9 บาท/ cc
ขนาดเครื่องยนต์เกิน 3,000 cc เสียภาษี 12 บาท/ cc
2. การเพิ่มฐานเก็บตามมูลค่ารถยนต์ ดังนี้ รถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง
ราคาระหว่าง 3 ถึง 6 ล้านบาท เสียภาษี 1- 2 หมื่นบาทต่อคัน
ราคาสูงกว่า 6 ล้านบาทจนถึง 10 ล้านบาท เสียภาษี 2-4 หมื่นบาทต่อคัน
ราคาสูงเกินกว่า 10 ล้านบาท เสียภาษี 3- 6 หมื่นบาทต่อคัน
การเพิ่มภาษีและเพิ่มฐานจัดเก็บนี้รัฐเห็นว่าควรส่งเสริมความเป็นธรรม การเสนอปรับภาษีป้ายทะเบียนครั้งนี้จึงไม่เพียงเน้นปรับจำนวนเงินภาษีที่ ต้องเสีย เพื่อให้สอดคล้อง สถานการณ์ความเป็นจริง เพราะไม่ได้ปรับมานานกว่า 20 ปี ขณะที่ราคารถยนต์เพิ่มขึ้นหลายเท่าช่วงที่ผ่านมาและมีแนวคิดใหม่ให้ใช้หลักเกณฑ์มูลค่ารถคิดภาษีด้วย คนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ที่มูลค่าสูง ราคาแพงๆ ควรต้องเสียภาษีรถยนต์สูงตาม อีกทั้งสอดคล้องกับนโยบายรัฐที่สนับสนุนประชาชนใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่นิยมสินค้าฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะสินค้านำเข้า ขณะเดียวกันการเก็บภาษีตามน้ำหนักรถซึ่งเป็นฐานภาษีที่ใช้อยู่แล้วปัจจุบันเก็บภาษีตามหลักการประโยชน์ที่ได้รับ
:super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super:
<!-- / message -->
กรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี
1500 = 4,100
1600 = 4,500
1800 = 5,300
2000 = 6,300
2400 = 9,100
3000 = 14,500
อีกไม่นาน พวกกระบะ 4 ประตู เจอภาษีเป็นหมื่นแล้วครับ ฟังข่าวแว่วๆ มาว่าการจัดเก็บภาษีจะเสนอเข้า ครม.เร็วๆนี้
การปรับเก็บภาษีรถยนต์รายปี...ใหม่อัตราเพิ่ม 2 เท่า
ได้ข่าวมาจากกรมการขนส่งทาง บก ( MOTC news) คราวนี้รัฐเอาจริง จะปรับปรุงอัตราค่าภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปีทุกชนิด รวมถึงรถบรรทุกด้วย โดยหยิบยกเอาสาระมาให้อ่านกันที่เป็นเฉพาะ Highlight ที่สำคัญๆ มาได้ดังนี้
ในขณะนี้กระทรวงการคลังร่วมกับกรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี ซึ่งเป็นการปรับภายใต้ พ.ร.บ.รถยนต์และพ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 โดยจะปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากปัจจุบัน
คราวนี้ล่ะรถใครรถมันคิดกันเอาเอง ใครเครื่องแรงแซงโลด...ต้องมาเจ็บปวดกับการรับภาระนี้......
แต่เอ๊!!!!! ถ้ามีตังค์ซื้อรถได้...ก็น่าจะจ่ายค่าภาษีได้ด้วยมั๊ง
ภาษีป้ายรถยนต์ใหม่ที่จะประกาศใช้เร็วๆ นี้ จะเก็บตามขนาดความจุกระบอกสูบรถยนต์ ที่คิดเป็นลูกบาศก์เซนติเมตร หรือ ซีซี.
สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง แต่มี Highlight สุดๆ ยิ่งกว่านั้น คือจะมีหลักเกณฑ์เก็บใหม่คือ จะเก็บภาษีตามมูลค่ารถยนต์ สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่งที่มีราคาขายตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้รถยนต์ราคาสูงๆ จะถูกเก็บภาษี 2 ต่อคือเก็บภาษีทั้งตามขนาด ! ซีซี.ของเครื่องยนต์ และตามมูลค่ารถ ประเด็นที่สองอาจปรับภาษีป้ายรถยนต์เกิน 7 ที่นั่งซึ่งปัจจุบันเก็บตามน้ำหนักอีกด้วย
มาดูการสร้างโครงร่างภาษีใหม่มีดังนี้
OLD ของเดิม (ปัจจุบัน) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งเก็บภาษีโดย
1 - 600 cc แรก เก็บ 50 สตางค์/ cc
601 - 1,800 CC เก็บ 1.50 บาท/ cc
1,801 cc ขึ้นไป เก็บ 4 บาท/ cc
NEW ใหม่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 เก็บภาษีโดย
1. การปรับภาษีป้ายกรณีรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง ( รถเก๋ง) อาจปรับเพิ่มภาษี ตามขนาดความจุกระบอกสูบคิดเป็น cc ดังนี้
รถยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 600 cc เสียภาษี 2 บาท/ cc
ขนาด 601-1,300 cc เสียภาษี 3 บาท/ cc
ขนาด 1,301-1,800 cc เสียภาษี 4 บาท/ cc
ขนาด 1,801-2,000 cc เสียภาษี 5 บาท/ cc
ขนาด 2,001-2,400 cc เสียภาษี 7 บาท/ cc
ขนาด 2,401-3,000 cc เสียภาษี 9 บาท/ cc
ขนาดเครื่องยนต์เกิน 3,000 cc เสียภาษี 12 บาท/ cc
2. การเพิ่มฐานเก็บตามมูลค่ารถยนต์ ดังนี้ รถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง
ราคาระหว่าง 3 ถึง 6 ล้านบาท เสียภาษี 1- 2 หมื่นบาทต่อคัน
ราคาสูงกว่า 6 ล้านบาทจนถึง 10 ล้านบาท เสียภาษี 2-4 หมื่นบาทต่อคัน
ราคาสูงเกินกว่า 10 ล้านบาท เสียภาษี 3- 6 หมื่นบาทต่อคัน
การเพิ่มภาษีและเพิ่มฐานจัดเก็บนี้รัฐเห็นว่าควรส่งเสริมความเป็นธรรม การเสนอปรับภาษีป้ายทะเบียนครั้งนี้จึงไม่เพียงเน้นปรับจำนวนเงินภาษีที่ ต้องเสีย เพื่อให้สอดคล้อง สถานการณ์ความเป็นจริง เพราะไม่ได้ปรับมานานกว่า 20 ปี ขณะที่ราคารถยนต์เพิ่มขึ้นหลายเท่าช่วงที่ผ่านมาและมีแนวคิดใหม่ให้ใช้หลักเกณฑ์มูลค่ารถคิดภาษีด้วย คนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ที่มูลค่าสูง ราคาแพงๆ ควรต้องเสียภาษีรถยนต์สูงตาม อีกทั้งสอดคล้องกับนโยบายรัฐที่สนับสนุนประชาชนใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่นิยมสินค้าฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะสินค้านำเข้า ขณะเดียวกันการเก็บภาษีตามน้ำหนักรถซึ่งเป็นฐานภาษีที่ใช้อยู่แล้วปัจจุบันเก็บภาษีตามหลักการประโยชน์ที่ได้รับ
:super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super: :super:
<!-- / message -->