- กระทู้ ผู้เขียน
- #1
อย่างที่เขาบอกๆกันว่า “ขับรถเกียร์อัตโนมัติไม่ยาก แต่เหยียบคันเร่งเป็นอย่างเดียวใช้ได้” ซึ่งจริงๆแล้วการขับรถที่ใช้เกียร์อัตโนมัตินั้นไม่ย ากอะไรหรอก ก็คล้ายๆกับที่เขาว่าๆกันนั่นแหละ แต่มันมีเทคนิคและวิธีการที่ทำให้การขับรถเกียร์อัตโ นมัติได้ประหยัดน้ำมัน ในขณะเดียวกันก็สนุกกับการกดคันเร่งแช่เพียงอย่างเดี ยว เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมก็ขอเริ่มแนะนำวิธีการใช้เกียร์อัตโนมัติง่ายๆเลยล ะกัน
ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ เกียร์ต้องอยู่ตำแหน่ง P หรือ N เสมอ
ทุกครั้งก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์ สำหรับรถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติเป็นตัวส่งกำลัง เกียร์ต้องอยู่ที่ตำแหน่ง P หรือ N เสมอ และต้องเหยียบแป้นเบรกไว้ด้วย จึงจะสตาร์ทเครื่องยนต์ได้
ทุกครั้งก่อนเข้าเกียร์ต้องเหยียบเบรค
จำเอาไว้เลยนะครับ สำหรับคนที่ขับรถเกียร์อัตโนมัติ ในขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ ทุกครั้งก่อนจะเข้าเกียร์ หรือเลื่อนเปลี่ยนทุกตำแหน่ง ต้องเหยียบเบรกไว้เสมอ เพื่อป้องกันรถเลื่อนไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ
เร่งแซงในที่ขับขัน กดคันเร่งให้สุด
หลายคนที่ขับรถเกียร์อัตโนมัติไม่ชำนาญ มักบอกว่าเวลาที่เร่งแซงเกียร์ไม่ยอมเปลี่ยนให้ นั่นแสดงว่า ระบบ Kick Down ยังไม่ทำงานครับ ฉะนั้น...ลองดูใหม่ครับ ต่อไปนี้ถ้าจะเร่งแซงให้กดคันเร่งให้สุดระบบของเกียร ์จะสั่งให้ลดอัตราทอของเกียร์ลง เพื่อเพิ่มกำลังในการเร่งแซง เมื่อแซงพ้นเรียบร้อยก็ถอนคันเร่งได้ครับ เกียร์ก็จะเลื่อนตำแหน่งมาอยู่ในอัตราทดที่เหมาะสมกั บความเร็วรถขณะนั้นครับ
อยากประหยัดน้ำมันให้ “กด” แล้ว “ถอน” และ “กด” ซ้ำอีกครั้ง
หากต้องการขับแบบประหยัดน้ำมันมากๆ เกียร์อัตโนมัติก็ทำได้ครับ ง่ายๆทุกครั้งที่เราออกรถ เท้าของท่านก็กดแช่ไว้ที่แป้นคันเร่ง อัตราทดเกียร์ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากเกียร์ 1 ก็จะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 และเกียร์ 3 ตามลำดับ แต่ถ้าเราต้องการให้ตำแหน่งเกียร์เลื่อนเปลี่ยนไวขึ้ นเพื่อการเซฟน้ำมัน ก็ทำได้ไม่ยากครับ แค่ถอนคันเร่งขึ้นเล็กน้อย และกดแป้นคันเร่งซ้ำไปอีกครั้ง เท่านี้ตำแหน่งของเกียร์ก็จะเปลี่ยนไวขึ้นครับ เป็นการขับแบบเซฟน้ำมัน สามารถช่วยได้ในยุคน้ำมันเช่นนี้ครับ
ก่อนจะออกรถทุกครั้ง ต้องเหยียบเบรกไว้ก่อน
การออกรถทุกครั้งต้องเหยียบเบรกไว้ก่อนเสมอ เนื่องจากเมื่อท่านเลื่อนเกียร์จากตำแหน่ง N มาที่ ตำแหน่ง D กำลังจากจากเครื่องยนต์จะถูกถ่ายทอดไปสู่ชุดเกียร์แบ บทันทีทันใด หากท่านไม่เหยียบเบรกไว้ รถก็จะกระตุกและพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ถ้าบังเอิญด้านหน้ารถท่านจอดชิดกับท้ายรถคันหน้ามากเ กินไป ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
ไม่ควรออกกระชากแรงๆบ่อยครั้งนัก
หลายคนที่ชอบขับรถสไตล์นักซิ่ง ชอบออกรถแบบกระชากให้ล้อได้ร้องเอี๊ยดอ๊าดกันแทบทุกค รั้ง แบบนี้ถ้าใช้กับรถเกียร์อัตโนมัติบ่อยๆ จะทำให้ท่านต้องเสียเงินซ่อมเกียร์ไวขึ้น เนื่องจากผ้าคลัตซ์ในชุดเกียร์จะหมดไวกว่าปรกติ 2-3 เท่า รวมถึงจะทำให้ชุดทอร์คคอนเวอร์เตอร์ พังไวกว่าปรกติด้วยนะครับ
ลากรถเกียร์อัตโนมัติใช้ความเร็วเกิน 60 กม./ชม.
ในกรณีที่ต้องลากรถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติส่งกำลัง และล้อที่ขับเคลื่อนต้องสัมผัสกับพื้นถนนเวลาลาก เช่น รถขับเคลื่อนล้อหน้าถูกชนท้าย ต้องลากรถทางด้านท้าย และให้ล้อคู่หน้าซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนสัมผัสกับพื้น ถนนเวลาลากรถไป แบบนี้ต้องให้เกียร์อยู่ในตำแหน่ง N ซะก่อน หลังจากนั้นค่อยลากรถไปด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. หากต้องลากรถติดต่อกันเป็นระยะทางไกลๆ ควรหยุดพักอย่างน้อย 1 ชม. ทุกๆระยะทาง 70-80 กม. เพื่อป้องกันไม่ให้เกียร์เสียหาย
ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ เกียร์ต้องอยู่ตำแหน่ง P หรือ N เสมอ
ทุกครั้งก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์ สำหรับรถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติเป็นตัวส่งกำลัง เกียร์ต้องอยู่ที่ตำแหน่ง P หรือ N เสมอ และต้องเหยียบแป้นเบรกไว้ด้วย จึงจะสตาร์ทเครื่องยนต์ได้
ทุกครั้งก่อนเข้าเกียร์ต้องเหยียบเบรค
จำเอาไว้เลยนะครับ สำหรับคนที่ขับรถเกียร์อัตโนมัติ ในขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ ทุกครั้งก่อนจะเข้าเกียร์ หรือเลื่อนเปลี่ยนทุกตำแหน่ง ต้องเหยียบเบรกไว้เสมอ เพื่อป้องกันรถเลื่อนไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ
เร่งแซงในที่ขับขัน กดคันเร่งให้สุด
หลายคนที่ขับรถเกียร์อัตโนมัติไม่ชำนาญ มักบอกว่าเวลาที่เร่งแซงเกียร์ไม่ยอมเปลี่ยนให้ นั่นแสดงว่า ระบบ Kick Down ยังไม่ทำงานครับ ฉะนั้น...ลองดูใหม่ครับ ต่อไปนี้ถ้าจะเร่งแซงให้กดคันเร่งให้สุดระบบของเกียร ์จะสั่งให้ลดอัตราทอของเกียร์ลง เพื่อเพิ่มกำลังในการเร่งแซง เมื่อแซงพ้นเรียบร้อยก็ถอนคันเร่งได้ครับ เกียร์ก็จะเลื่อนตำแหน่งมาอยู่ในอัตราทดที่เหมาะสมกั บความเร็วรถขณะนั้นครับ
อยากประหยัดน้ำมันให้ “กด” แล้ว “ถอน” และ “กด” ซ้ำอีกครั้ง
หากต้องการขับแบบประหยัดน้ำมันมากๆ เกียร์อัตโนมัติก็ทำได้ครับ ง่ายๆทุกครั้งที่เราออกรถ เท้าของท่านก็กดแช่ไว้ที่แป้นคันเร่ง อัตราทดเกียร์ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากเกียร์ 1 ก็จะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 และเกียร์ 3 ตามลำดับ แต่ถ้าเราต้องการให้ตำแหน่งเกียร์เลื่อนเปลี่ยนไวขึ้ นเพื่อการเซฟน้ำมัน ก็ทำได้ไม่ยากครับ แค่ถอนคันเร่งขึ้นเล็กน้อย และกดแป้นคันเร่งซ้ำไปอีกครั้ง เท่านี้ตำแหน่งของเกียร์ก็จะเปลี่ยนไวขึ้นครับ เป็นการขับแบบเซฟน้ำมัน สามารถช่วยได้ในยุคน้ำมันเช่นนี้ครับ
ก่อนจะออกรถทุกครั้ง ต้องเหยียบเบรกไว้ก่อน
การออกรถทุกครั้งต้องเหยียบเบรกไว้ก่อนเสมอ เนื่องจากเมื่อท่านเลื่อนเกียร์จากตำแหน่ง N มาที่ ตำแหน่ง D กำลังจากจากเครื่องยนต์จะถูกถ่ายทอดไปสู่ชุดเกียร์แบ บทันทีทันใด หากท่านไม่เหยียบเบรกไว้ รถก็จะกระตุกและพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ถ้าบังเอิญด้านหน้ารถท่านจอดชิดกับท้ายรถคันหน้ามากเ กินไป ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
ไม่ควรออกกระชากแรงๆบ่อยครั้งนัก
หลายคนที่ชอบขับรถสไตล์นักซิ่ง ชอบออกรถแบบกระชากให้ล้อได้ร้องเอี๊ยดอ๊าดกันแทบทุกค รั้ง แบบนี้ถ้าใช้กับรถเกียร์อัตโนมัติบ่อยๆ จะทำให้ท่านต้องเสียเงินซ่อมเกียร์ไวขึ้น เนื่องจากผ้าคลัตซ์ในชุดเกียร์จะหมดไวกว่าปรกติ 2-3 เท่า รวมถึงจะทำให้ชุดทอร์คคอนเวอร์เตอร์ พังไวกว่าปรกติด้วยนะครับ
ลากรถเกียร์อัตโนมัติใช้ความเร็วเกิน 60 กม./ชม.
ในกรณีที่ต้องลากรถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติส่งกำลัง และล้อที่ขับเคลื่อนต้องสัมผัสกับพื้นถนนเวลาลาก เช่น รถขับเคลื่อนล้อหน้าถูกชนท้าย ต้องลากรถทางด้านท้าย และให้ล้อคู่หน้าซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนสัมผัสกับพื้น ถนนเวลาลากรถไป แบบนี้ต้องให้เกียร์อยู่ในตำแหน่ง N ซะก่อน หลังจากนั้นค่อยลากรถไปด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. หากต้องลากรถติดต่อกันเป็นระยะทางไกลๆ ควรหยุดพักอย่างน้อย 1 ชม. ทุกๆระยะทาง 70-80 กม. เพื่อป้องกันไม่ให้เกียร์เสียหาย