หรือถ้าชอบหมูทงคัตสึ แต่อยากกินแบบชุ่มฉ่ำน้ำซอส ก็ต้องสั่ง "คัทสึโทจิ" (แบบ Set ราคา 260บาท / แบบ ราคา A la carte 200 บาท) เป็นหนึ่งในเมนูขายดีประจำ "Ootoya" เลยทีเดียว รสชาติน่าจะถูกปากเด็กๆ ด้วย เพราะเป็นหมูทงคัตสึชิ้นใหญ่ตุ๋นอยู่ในน้ำซอสชุ่มฉ่ำและไข่ ตอนเสิร์ฟจะเดือดปุดๆ มาเลย หอมเย้ายวนและรสชาติเข้มข้นมากๆ กินเปล่าๆ ก็อร่อย เข้มข้น หรือจะกินกับข้าวก็เข้ากันดี
แต่ถ้าใครอยากกินอะไรเบาๆ เน้นผักเยอะๆ น่าจะชอบเมนู "สลัดไก่ย่างถ่านซอสเบซิล" (แบบ Set ราคา 250 บาท / แบบ ราคา A la carte 190 บาท) ไก่เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เพราะตอนย่างจะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิให้พอเหมาะ พนักงานต้องใช้เครื่องวัดอุณหภูมิตรวจดูอุณหภูมิของอาหารอยู่ตลอด ว่าความร้อนอยู่ในอุณหภูมิที่พอเหมาะหรือยัง ด้วยเหตุนี้เนื้อไก่ย่างจึงนุ่มละมุน หนังไก่บางกำลังดี ยิ่งราดซอสเบซิลสูตรเฉพาะของ "Ootoya" และเสิร์ฟพร้อมสลัดผักสดๆ ที่มีทั้งกะหล่ำปลีซอย มิซูนา มะเขือเทศ และหัวไขเท้า พร้อมไข่ต้ม ก็ยิ่งอร่อย จะสั่งมากินเปล่าๆ ก็อิ่มกำลังดี หรือจะสั่งเป็นเซ็ตก็ได้ จะได้ซดน้ำซุปมิโสะให้ชื่นใจด้วย
ทุกเมนูที่เป็นเซ็ตของ "Ootoya" จะมี Side Dish มาให้ครบเซ็ต ทั้งข้าว ซุปมิโซะ ออร์เดิฟผัก และผักดอง ซึ่งข้าวของ "Ootoya" เม็ดจะมันเงาและเรียงตัวสวยมาก เพราะใส่สาเกลงไปนิดหน่อยเพื่อให้ข้าวหอมและขึ้นเงา ซึ่งถ้าสั่งเป็นเซ็ต ก็สามารถเติมข้าวฟรีได้ตลอดอีกด้วย ส่วนซุปที่มีอยู่ในเซ็ต ก็ไม่ใช่แค่ซุปเต้าเจี้ยวที่ใส่วากาเมะแบบที่อื่นเท่านั้น แต่ซุปมิโซะของ "Ootoya" เป็นซุปที่อุดมไปด้วยผักนานาชนิด ทั้งแครอต หัวไชเท้า เผือก และเพิ่มรสชาติด้วยหมูสามชั้นอีกนิดหน่อย ที่พิเศษกว่าอะไรทั้งหมด คือ "สลัดผัก" เพราะที่ "Ootoya" มีความพิถีพิถันบางอย่างที่คนกินอาจจะนึกไม่ถึง นั่นคือการเก็บผักเอาไว้ที่อุณหภูมิ 5 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ผักจะนอนหลับ ช่วยให้ผักยังสด กรอบและหวาน ซึ่งพนักงานในครัวจะต้องคอยเดินไปวัดอุณหภูมิอย่างสม่ำเสมอทุกชั่วโมงและจดเป็นตารางเอาไว้ เพื่อคงอุณหภูมิ 5 องศาไว้ตลอดเวลา จึงได้ผักสดๆ มาเป็นเครื่องเคียงให้สารอาหารครบ 5 หมู่
มาถึงของหวานสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ที่แม้หน้าตาอาจจะดูธรรมดาๆ ไปหน่อย แต่รสชาติและคุณค่าทางอาหารนั้นเต็มสิบ ลองเมนูพุดดิ้งน้ำเต้าหู้ "บรามันเจะผสมน้ำเต้าหู้" (ราคา 80 บาท) ที่หน้าตาและสีสันอาจดูไม่น่าสนใจ แต่รสชาตินุ่มนวลละมุนละไมลิ้นสุดๆ เพราะเป็นพุดดิ้งที่เกิดจากการเอาน้ำเต้าหู้ไปผสมกับนม วิปครีม และเจลาติน จนได้ขนมหน้าตาเหมือนเต้าหู้สีขาวๆ นุ่มๆ ก่อนเสิร์ฟจะโรยหน้าด้วยผงถั่วเหลือง พร้อมน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง ส่วนเมนูขนมเย็นๆ ชื่นใจสไตล์คนญี่ปุ่น ก็คงหนีไม่พ้น "ไอศกรีมชาเขียวในน้ำเต้าหู้" (ราคา 100 บาท) เป็นไอศกรีมชาเขียวรสชาติหวานนุ่ม มีกลิ่นและรสของของชาเขียวนิดๆ ติดปลายลิ้นมาด้วย เสิร์ฟในน้ำเต้าหู้ พร้อมถั่วแดงกวน วุ้นชาเขียว และแป้งโมจิ อร่อยหวานๆ เย็นๆ กินแล้วชื่นใจ เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารได้อย่างลงตัว ครบถ้วนทัังสารอาหาร 5 หมู่ และความอร่อย
แม้บางคนอาจจะคิดว่าอาหารของญี่ปุ่นแท้ๆ เช่นที่ "Ootoya" รสชาติไม่ค่อยจัดเท่าไหร่ ไม่ถูกปากคนไทยที่ชอบรสชาติจัดๆ แต่ความจริงแล้ว การที่อาหารญี่ปุ่นบางอย่างมีรสชาติอ่อนๆ เป็นเพราะคนญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยนิยมการปรุงรสจนกลบรสชาติที่แท้จริงของอาหารไปจนหมด และด้วยเหตุนี้แต่ละเมนูจึงมีเครื่องเดียงเป็นผักดอง ผักต้ม สาหร่ายต้มซีอิ๊ว และอื่นๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่หลากหลายขึ้นนั่นเอง
ถ้าเป็นคนชอบอาหารญี่ปุ่นแบบที่คนญี่ปุ่นกินกันจริงๆ ตามบ้าน "Ootoya" ก็เป็นร้านที่ควรมาร์คไว้ในใจ
Ootoya Central World
ที่อยู่ : Central World ชั้น 7 ลุมพินี ,ปทุมวัน , กรุงเทพมหานคร
โทร : 02-613-1371,026131371
http://www.ootoya.co.th
http://www.wongnai.com/articles/ootoya