เดิมสายไฟที่อยู่ด้านหน้ารถมันจะมีสายไฟจากไดชาร์ทมาที่ขั้วบวกของแบต(1) และสายจากแบตไปที่ไดสตาร์ท(2) และสายกราวด์จากขั้วลบ(3)ไปที่เชสซีของรถ และอนุกรม ไปที่เครื่อง(4)
สาย(2)จะใหญ่กว่า(1)อยู่เท่านึง
สาย(3)(4)จะมีขนาดใกล้เคียงกันกับ(2)
พอเราย้ายแบตจากหน้า ไปหลังรถ ระยะสายต่างๆก็จะมากขึ้น ความต้านทานของสายก็จะมากขึ้น และสายบางเส้นก็จะหายไป
ทำความเข้าใจอย่างนึงว่า กระแสไฟจะวิ่งอยู่บนผิวของตัวนำ ถ้าตัวนำมีพื้นผิวเยอะกระแสก็จะวิ่งได้ดีกว่า
สายไฟรถจึงใช่สายที่เป็นฝอยๆ มากกว่าที่จะใช้ที่เป็นเส้นทองแดงโตๆ
เมื่อแบตอยู่หลังรถ แน่นอนสายที่หายไปคือสายที่เป็นกราวด์เครื่องจากเดิมที่ต่อจากขั้วแบตลงเครื่อง 1เส้นก็ต้องวิ่งผ่านตัวถังรถหรือเชสซีที่เป็นเหล็ก บางท่านก็ต่อกับโครงรถก็ว่าพอแล้ว บางท่านก็บอกว่าลงเชสซีก็พอแล้ว แล้วไปจ้ำเข้าเครื่องใกล้ๆก็ได้ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพอ(ผมก็ไม่รู้)แต่ถ้าเราต่อจากขั้วลบลงที่เชสซีเส้นนึง และต่อลงที่โครงรถเส้นนึง และจ้ำจากเชสซีเข้าเครื่องเส้นนึง และจากโครงรถเข้าเครื่องเส้นนึง ไปมันจะเดินดีกว่าไหม และขั้นตอนที่สำคัญก่อนที่เราจะต่อสายไปลงกับโครงหรือเชสซี ได้ทำความสะอาดหรือขูดสีตรงนั้นออกบ้างหรือปล่าว
มาดูที่การต่อสายไฟของรถผมบ้าง
สายบวก ผมต่อจากขั้วบวกไปที่ตูดไดสตาร์ท (35sqmm) ไปไดชาร์ทไม่ทราบไม่ได้ถามช่าง สายไฟที่จ่ายไปที่ระบบต่างก็ได้ต่อจากสองจุดนี้ ที่ขั้วไดสตาร์ท และขั้วไดชาร์ท
สายลบ ต่อจากขั้วลบลงเชสซี (50sqmm)ตรงจุดที่ยึดกันชนท้าย และ(35sqmm)จากจุดที่ลงเชสซีไปที่โครงรถบริเวณที่ยึดเสาอากาศ และจากเชสซีบริเวณใต้เครื่องด้านซ้ายเข้าเครื่อง(35sqmm) และจากซุ้มล้อหน้าเข้าเครื่อง และไม่ลืมที่จะขูดสีและทำความสะอาดก่อนติดตั้ง และสายทุกเส้นมีระยะให้ตัวพอสมควรไม่ดึงไม่รั้ง ทำให้ดูแลรักษา และเซอวิสง่าย
ลองดูครับ หลายคน หลายช่าง หลายความคิด ลองพิจารณาด้วยตัวเราเองครับ
ขอบคุณ