Template errors

  • Template public:post_macros: [E_USER_WARNING] Cannot call method isMemberOf on a non-object (NULL) (src/XF/Template/Templater.php:1268)
  • Template public:post_macros: [E_USER_WARNING] Cannot call method isMemberOf on a non-object (NULL) (src/XF/Template/Templater.php:1268)
  • Template public:post_macros: [E_USER_WARNING] Cannot call method isMemberOf on a non-object (NULL) (src/XF/Template/Templater.php:1268)
  • Template public:post_macros: [E_USER_WARNING] Cannot call method isMemberOf on a non-object (NULL) (src/XF/Template/Templater.php:1268)
  • สวัสดีครับชาวโลมาสีฟ้า cefiro-thailand.com

    เว็บไซต์แห่งนี้เราเปิดให้ใช้งานกับฟรีๆ สามารถโพสต์อัพเดทสถานการณ์ต่างๆข่าวสารบ้านเมืองและข่าวสารของกลุ่ม cefiro-thailand.com ได้เต็มที่เลยนะครับขอแค่ไม่เป็นการปั่นกระทู้หรือโฆษณาอะไรที่มันล่อแหลมจนเกินไป
    เว็บไซต์ไม่ต้องเสียค่าสมัครใดใดทั้งสิ้นมีข้อเสนอแนะอะไรสามารถแนะนำเข้ามาได้ครับยินดีปรับแต่งและแก้ไขถ้าสามารถทำได้

    กฎระเบียบของเราก็ไม่มีอะไรมากท่านสามารถใช้งานได้เต็มที่

ว่าด้วยเรื่อง saleman ปตท

  • ผู้เริ่มหัวข้อ ผู้เริ่มหัวข้อ A31508
  • วันที่เริ่มต้น วันที่เริ่มต้น

กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see

A31508

พยามจะเป็นvip ให้เต็มตัว
Cefiro-Thailand Members
เข้าร่วม
17 ก.พ. 2007
ข้อความ
3,442
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #1
ข้อมูลอ้างอิงจา www.aeracingclub.net

เบรกปิยสวัสดิ์ทำก๊าซพุ่ง +หวั่นซ้ำเติมประชาชน/สั่งศึกษาผลดี-ผลเสียใหม่/โยนรัฐบาลหน้าชี้ขาด
"โฆสิต"ว้าก"ปิยสวัสดิ์"กลางที่ประชุมกพช.หากปรับราคาก๊าซหุงต้ม 1.29 บาทต่อก.ก.ช่วงปลายปีนี้ สั่งไปศึกษาผลดีผลเสียใหม่ หวั่นซ้ำเติมประชาชนจากราคาสินค้าและน้ำมันที่ปรับตัวสูงอยู่แล้ว และยังสร้างความแตกแยกในสังคมมากขึ้นหากเกิดการต่อต้าน อ้างมารยาทควรให้รัฐบาลใหม่ชี้ขาด หากปล่อยให้ขึ้นราคา จะกระทบข้าวแกงจานละ 4 ส.ต. แท็กซี่ต้นทุนเพิ่ม 26 บาทต่อกะ ครัวเรือนรายจ่ายเพิ่ม 19 บาทต่อถัง
จากกรณีที่"ฐานเศรษฐกิจ"ฉบับที่ 2258 ประจำวันที่ 4-6ตุลาคม 2550ได้นำเสนอข่าวการปรับราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี จะปรับเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 2 บาท และจะส่งผลให้ก๊าซหุงต้มขนาดถังละ 15 กิโลกรัม ขึ้นไปอยู่ระดับเกือบจะ 300 บาทต่อถัง ซึ่งจะมีผลภายในเดือนพฤศจิกายน 2550 แต่ทางนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกมาปฏิเสธ ว่าจะปรับขึ้นเพียง 1 บาทต่อกิโลกรัม ประมาณกลางเดือนธันวาคม 2550 นั้น

+++รถยนต์ติดก๊าซพุ่งหนีน้ำมันแพง

ล่าสุดแหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) มีนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในการประชุมกพช.เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมา ทางกระทรวงพลังงานได้มีการเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี โดยให้มีการปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นไปอีก 1.29 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาก๊าซหุงต้มได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่าระดับราคาเพดานที่รัฐกำหนด 315 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันมาอยู่ที่ระดับ 650 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ทำให้เกิดส่วนต่างระหว่างราคาที่จำหน่ายในประเทศกับราคาในตลาดโลกสูงถึง 335 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิตและผู้ค้าก๊าซหุงต้ม ส่งออกมากกว่าการจำหน่ายในประเทศ จนส่งผลให้เกิดปัญหาการจำหน่ายในประเทศเริ่มจะไม่เพียงพอ
ประกอบกับราคาก๊าซหุงต้มอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาน้ำมัน ส่งผลให้ประชาชนหันมาให้ก๊าซหุงต้มในรถยนต์มากขึ้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ทำให้การใช้ก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 51.6 % ขณะที่การใช้ภาพรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้น 9.9 % แต่การผลิตก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นเพียง 0.3 % หากปริมาณการใช้ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2552 ปริมาณการผลิตก๊าซหุงต้มจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ
นอกจากนี้ราคาขายปลีกที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ยังส่งผลให้เกิดการลักลอบส่งออกก๊าซหุงต้มทำให้สูญเสียเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อไปชดเชยราคาก๊าซให้กับประเทศอื่นแทน ที่สำคัญการใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิงมากขึ้น ทำให้ขาดรายได้จากการส่งออกและสูญเสียโอกาสการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งสร้างมูลค่าได้มากกว่านำมาใช้ในรถยนต์

+++อ้างมารยาทโยนรัฐบาลใหม่แก้

จากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ที่ประชุมกพช.จึงเห็นชอบในหลักการที่จะให้มีการปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้น แต่ความเห็นของคณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่า ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในช่วงปลายปีนี้ยังไม่เหมาะสม เนื่องจากจะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าและราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอยู่แล้ว
โดยเฉพาะนายโฆสิต ในฐานะประธานกพช.ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นในช่วงปลายนี้ ซึ่งได้ให้เหตุผลว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบปรับราคา เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้า น้ำมัน ไม่สมควรที่จะไปซ้ำเติมผู้บริโภคให้ต้องมารับภาระเพิ่มขึ้น
ประกอบกับไม่ต้องการสร้างความแตกแยกในสังคมให้เกิดขึ้นอีก เพราะหากมีการปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นไป กลุ่มผู้ใช้ก๊าซแอลพีจีหรือรถแท็กซี่จะต้องออกมาต่อต้าน ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายอีก และที่สำคัญในช่วงการบริหารงานของรัฐบาลที่เหลืออยู่อีก 2 เดือนนี้ ตามมารยาททางการเมืองแล้ว ไม่สมควรที่จะมีการอนุมัติปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด ควรจะให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินการแทนจะเป็นการเหมาะสมกว่า เพราะเป็นเรื่องปากท้องของประชาชน

+++ฉีกหน้าปิยสวัสดิ์กลางที่ประชุม

ขณะเดียวกัน นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน ได้ชี้แจ้งต่อที่ประชุมเพิ่มเติมอีกว่า การปรับราคาดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารพลังงาน(กบง.) ที่กำหนดให้มีการปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นทุก 5 ปี แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมาเกรงว่าจะกระทบต่อฐานเสียงจึงไม่ดำเนินการ แต่เมื่อรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารงาน จึงเห็นว่าการยกเลิกการชดเชยดังกล่าวเป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสมเพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียจากคะแนนเสียงแต่อย่างใด อันจะเป็นการช่วยลดภาระกองทุนน้ำมันที่ต้องแบกรับภาระในแต่ละเดือนค่อนข้างมาก
นายโฆสิต ได้ย้อนกลับไปว่า เข้าใจในหลักการดี แต่เป็นเหตุผลฟังไม่ขึ้น ที่จะไปอธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงเหตุผลในการขอปรับราคาก๊าซหุงต้ม และได้สั่งให้นายปิยสวัสดิ์ ไปจัดทำรายละเอียดการปรับราคาก๊าซหุงต้มเสนอเข้ามาใหม่ในการประชุมกพช.ในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะต้องศึกษาผลดีผลเสีย ผลกระทบที่เกิดขึ้น และตัวเลขในการของปรับราคา ว่าทำไมต้องเป็นตัวเลขที่ระบุมา และมีความจำเป็นต้องเร่งรีบแค่ไหน
ที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการซักถามตัวแทนของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่นั่งเป็นประธานกบง.อยู่มีอำนาจในการเซ็นประกาศปรับราคาก๊าซหุงต้มได้หรือไม่ ซึ่งได้รับความตอบว่า แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะมีอำนาจในการเซ็นประกาศปรับราคาก็ตาม แต่จะต้องนำเข้าการประชุมของกพช.เห็นชอบด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะผิดกฎหมาย ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับนายปิยสวัสดิ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการหักหน้ากลางที่ประชุม ผิดความคาดหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก ที่นายปิยสวัสดิ์ ได้ออกมากล่าวก่อนหน้านี้ว่าจะประกาศปรับราคาก๊าซหุงต้มประมาณกลางเดือนธันวาคม 2550 นี้

++++ข้าวแกงขึ้น4สต.อุตฯจ่าย57ล.

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ หากเป็นไปตามแผนให้มีการปรับราคาก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้น 1.29 บาทต่อกิโลกรัมหรือ 19.35 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม จากปัจจุบันอยู่ที่ 16.81 บาทต่อกิโลกรัม จะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดภาระการจ่ายเงินชดเชย 324 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้ค่าใช้จ่ายรถแท็กซี่เพิ่มขึ้นกก.ละ 26 บาท ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมโดยรวมจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 57 ล้านบาทต่อเดือน อาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจานละ 4 สตางค์
แต่เพื่อเป็นการลดภาระรายจ่ายของประชาชน ในการปรับราคาก๊าซหุงต้มครั้งนี้ จะดำเนินการพร้อมกับการปรับลดราคาขายปลีกของน้ำมันเบนซินและดีเซลลงลิตรละ 50 สตางค์ ซึ่งจะทำให้รายจ่ายของครัวเรือนไม่เพิ่มขึ้น แต่จะลดลง 9.46 บาทต่อเดือน
ในขณะที่การลดผลกระทบของภาคอุตสาหกรรม ทางกองทุนเพิ่งส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จะสนับสนุนวงเงิน 600 ล้านบาท เพื่อในการปรับเปลี่ยนเตาประสิทธิภาพสูง โดยประเภทเตาอบลำไย จะช่วยเหลือ 40 % ของค่าใช้จ่ายปรับปรุงเตา วงเงิน 380 ล้นบาทในช่วงปี 2551-2554 ลดค่าใช้จ่ายก๊าซหุงต้มลงได้ 5 บาทต่อกิโลกรัมลำไยแห้ง
ประเภทเตาเผาเซรามิค ช่วยเหลือ 30 % ของค่าใช้จ่ายปรับปรุงเตา วงเงิน 217 ล้านบาท ลดการใช้ก๊าซหุงต้มลงได้ 30-50 % เตาอบกุนเชียง ช่วยเหลือ 30 % ของค่าปรับปรุงเตา วงเงิน 3 ล้านบาทในช่วงปี 2551-2554 ลดการใช้ก๊าซหุงต้มลงได้ 60 %

++++บีบแท็กซี่ติดเอ็นจีวี50,000คัน

ส่วนกลุ่มรถแท็กซี่นั้น มีเป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยนรถแท็กซี่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเอ็นจีวี จำนวน 50,000 คัน ภายในปี 2552 โดยจะมีการออกค่าใช้จ่ายให้ฟรี โดยในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ ทางกระทรวงพลังงาน จะจัดแถลงข่าว เพื่อเลื่อนระยะเวลาการติดตั้งเอ็นจีวี จากเดิมที่กำหนดไว้เพียงสิ้นปีนี้ออกไปอีก 2 ปี รวมถึงการเพิ่มสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีอีก 170 แห่ง รองรับให้อีก
นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ กลุ่มธุรกิจสำรวจ ผลิต และก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)(บมจ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกระทรวงพลังงานได้สั่งให้บมจ.ปตท.ทำการปรับแผนการก่อสร้างปั๊มเอ็นจีวีใหม่ จากเดิมที่กำหนดไว้ภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวน 220 แห่ง และปี 2551 มีจำนวน 270 แห่ง แต่เมื่อทางกระทรวงพลังงานต้องการเร่งให้แท็กซี่จำนวน 50,000 คันเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีให้ได้ภายในปี 2552 จึงจำเป็นต้องปรับแผนเพิ่มปั๊มเอ็นจีวีอีกในปีหน้าอีกประมาณ 130 แห่ง รวมเป็นประมาณ 350 แห่ง น่าจะรองรับได้เพียงพอ
ส่วนเงินที่บมจ.ปตท.ได้ขอภาครัฐไปเพื่อช่วยเหลือในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์นั้น ได้รับการปฏิเสธจากระทรวงพลังงาน โดยให้เหตุผลว่า หากลดการใช้ก๊าซหุงต้มลงได้มากเท่าไร บมจ.ปตท.จะได้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคาในการส่งออกก๊าซหุงต้มมากขึ้น ทำให้ต้องกลับมาใช้เงินของบมจ.ปตท.เองประมาณ 1,360 ล้านบาท สำหรับเปลี่ยนอุปกรณ์แท็กซี่จำนวน 34,000 คัน ขณะที่ 16,000 คัน จะเป็นแท็กซี่ใหม่ที่กฎหมายบังคับให้มีการติดตั้งเอ็นจีวีนับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

-จะออก กม. ให้แท็กซี่ใหม่ต้อง NGV เท่านั้น =>> อันนี้ยังแค่ร่างนะ ผมว่า ยังไม่มีการเซ็นอนุมัติ เพราะมันเป็นการริดรอนสิทธิประชาชน และไม่สามารถรับรองได้ด้วยว่า แท็กซี่ที่ติด NGV มา จะไปเปลี่ยน LPG ที่หลังหรือป่าว และจะแอบเปลี่ยน NGV ทุกครั้งที่ต่อทะเบียน หรือใช้วิธีอื่นหรือไม่??
-การขึ้นราคา LPG และใช้นโยบายบีบให้เปลี่ยนมาใช้ NGV ของปิยสวัสดิ์ ยังไม่แน่นักว่าจะเกิดขึ้นหรือป่าว
1. ประเทศใกล้ๆ ไทยเช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง ที่ต่างมีเศรษฐกิจดีกว่าไทย ได้สนับสนุนพลังงานทดแทนทั้ง LPG และ NGV โดยตั้งราคาให้ถูกกว่าน้ำมัน 50% เหตุผลคือเสียเงินตราต่างประเทศน้อยลง ลดมลภาวะทางอากาศ ทำให้ต้นทุนสาธารณสุขต่อสังคมลดน้อยลง ทั้งๆ ที่ประเทศเหล่านี้ต้องนำเข้า LPG และ NGV ซึ่งในสนธิสัญญาที่ประเทศใน APEC (ที่ไทยเป็นสมาชิก) ได้ตกลงกันว่าจะเปิดเสรีการค้าและการผลิต

2. ประเทศอังกฤษและประเทศในทวีปอเมริกา ก็มีนโยบายส่งเสริมทั้ง LPG และ NGV แต่ก็เหมือนกับในข้อ 1 คือ ผู้ใช้รถโดยสารขนาดกลาง-เล็ก นิยมใช้ LPG มากกว่า เนื่องจากมีประสิทธิภาพดีกว่า การขนส่งก็สะดวกกว่า

3. ประเทศไทยได้ LPG ส่วนใหญ่มาจากผลพลอยได้การกลั่นน้ำมันดิบเพื่อได้เบนซิน ดีเซล ส่วนใหญ่ใช้ LPG ในโรงงานอุตสาหกรรม และตามบ้าน ยังมีเหลืออีกมากจนต้องส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนที่ใช้ในรถแท็กซีประมาณ 6 หมื่นคันในกรุงเทพที่วิ่งสองกะนั้น มีประมาณการใช้น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับยอดส่งออก คือไม่ถึงร้อยละ 10 ของยอดส่งออก LPG ข้อมูลนี้เป็นของกระทรวงพลังงานเอง

4. ราคาจำหน่าย LPG ในประเทศไทย ได้บวกค่าภาษีประมาณ กก. 3 บาท บวกค่าการตลาดอีก กก. ละ 3 บาท แต่ได้รับชดเชย กก.ละ 3 บาทเช่นกัน (1 กก. ประมาณ 2 ลิตร) เป็นข้อมูลจากกระทรวงพลังงาน ดังนั้นถ้าเลิกชดเชย ราคาจะแพงขึ้นอีกประมาณลิตรละ 1.50 บาท แต่ถ้าลดภาษีลงก็จะขายในราคาเดิมได้อยู่ และขอฟันธงได้ว่าประเทศไทยไม่ขาดแคลน LPG มีเหลือใช้จนต้องส่งออกด้วยซ้ำ

5. NGV หรือ Natural Gas for Vehicles เป็นคำที่ ปตท. เรียกแทน CNG หรือ Compressed Natural Gas ปตท. เป็นผู้ผูกขาดการผลิตและการจำหน่ายแต่ผู้เดียวในประเทศไทย ราคาที่ขายหน้าปั้มคือ กก. ละ 8.50 บาทนั้น สาธารณชนไม่ทราบโครงสร้างราคาที่แท้จริง ดังนั้น ปตท. อาจขึ้นราคาอีกเมื่อไรก็ได้

6. ไม่มีเอกชนสนใจลงทุนทำปั้ม NGV ในประเทศไทย ปตท. เคยชวน Caltex และ Shell มาลงทันทำปั้ม NGV แต่ถูกปฏิเสธโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสอง เนื่องจากไม่คุ้มทุน ด้วยราคาขายในปัจจุบันและการลงทุนที่มาก แม้กระทั่งรัฐบาลฮ่องกงเองก็ยังยกเลิกการลงทุนเปลี่ยนจาก LPG เป็น NGV ด้วยเหตุผลความไม่คุ้มค่า

7. NGV ที่ ปตท. ชักจูงให้รัฐบาลไทยโปรโมท และกีดกัน LPG นั้น มาจากการกลั่นแก๊สธรรมชาติ (natural gas) ที่ ปตท. ผูกขาดการขายแต่ผู้เดียวในประเทศไทย หนึ่งในสี่หรือร้อยละ 25 ที่ไทยใช้อยู่ ปตท. ซื้อมาจากพม่าผ่านทางท่อแก๊สธรรมชาติที่มาลงที่ราชบุรี ส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ดังนั้นจึงเสมือนว่า NGV ที่ใช้อยู่นั้นประมาณหนึ่งในสี่ซื้อมาจากพม่า ไม่ได้เป็นพลังของไทยตามที่ ปตท. โฆษณาแต่อย่างไร

8. นโยบายกระทรวงพลังงานที่สนับสนุน NGV และ เพิกใช้/กีดกัน LPG เป็นพลังงานทางเลือกนั้น สวนกระแสการค้าเสรีที่รัฐบาลได้ทำสัญญากันระหว่างประเทศใน APEC และไม่มีเหตุผลดีพอ แต่เมื่อมาดูผู้ถือหุ้นใหญ่โดยเอกชนใน ปตท. ก็จะเข้าใจว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่

9. การดำเนินนโยบายในข้อ 8 ของรัฐนั้น ทำให้ประเทศเสียโอกาส และสูญเสียรายได้ที่ต้องใช้เบนซิน ดีเซล และซื้อแก๊สธรรมชาติจากพม่ามากลั่นเป็น NGV สักวันหนึ่งเมื่อมีการตรวจสอบก็จะต้องมีผู้รับผิดชอบและชดเชยค่าเสียหายนี้ให้กับประเทศ "

ที่เสนอมาข้างบน มีแหล่งอ้างอิงข้อมูลที่เชื่อถือได้และส่วนใหญ่มาจากกระทรวงพลังงานเอง
ถ้าท่านผู้อ่านเห็นว่าข้อสรุปนี้เป็นประโยชน์ กรุณา เผยแพร่ / up เพื่อให้สังคมได้รับรู้ด้วย

 


โหเพ่!!!!!!! งึดงึด................เดี๋ยวมาอ่านใหม่
 
สงฃลาแก็สลิตรละ 11.50 บาทแล้วคับ
 
มันจะบีบเราทุกทางเลยหรอเนี้ย อุตส่าห์ หนีมาใช้แก็ส แม่งยังตามมาขึ้นราคา มันกะจะให้เติมน้ำกันเลยหรอไง วัยรุ่นเซง:verwirrt:
 
นี้ แหล่ะ ปตท. พลังไทย เพื่อใคร
 
ปตท. =====> ปลอม ตั้งแต่ ต้นทาง......
ปิโตรเลียม ของตู ทั้งประเทศไทย.......
คนจน มีสิทธิ์ มั๊ยครับ...
 
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #7
ปตท. มันโคตรจะกำไรเลย ทำไมไม่แบ่งปันให้ประชาชนตาดำๆบ้าง สงสัยถ้าแก๊สขึ้นราคามากกว่านี้พวกเราต้องรวมตัวทำอะไรสักอย่างเพื่อความเป็นธรรม ต่างประเทศเค้าใช้lpgกันทั้งนั้แหละ มันเป็นพลังงานสะอาด แต่รัฐบาลแม่งก้อพยามเบี่ยงเบนประเด็นให้ไปใช้ngvทั้งที่มันมีคุณสมบัตรด้อยมากๆ มึงเลิกปิดหูปิดตาประชาชนได้แล้ว
 

กระทู้ที่คล้ายกัน


กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see
กลับ
ยอดนิยม