• สวัสดีครับชาวโลมาสีฟ้า cefiro-thailand.com

    เว็บไซต์แห่งนี้เราเปิดให้ใช้งานกับฟรีๆ สามารถโพสต์อัพเดทสถานการณ์ต่างๆข่าวสารบ้านเมืองและข่าวสารของกลุ่ม cefiro-thailand.com ได้เต็มที่เลยนะครับขอแค่ไม่เป็นการปั่นกระทู้หรือโฆษณาอะไรที่มันล่อแหลมจนเกินไป
    เว็บไซต์ไม่ต้องเสียค่าสมัครใดใดทั้งสิ้นมีข้อเสนอแนะอะไรสามารถแนะนำเข้ามาได้ครับยินดีปรับแต่งและแก้ไขถ้าสามารถทำได้

    กฎระเบียบของเราก็ไม่มีอะไรมากท่านสามารถใช้งานได้เต็มที่

E85 Ethanol Gasohol ซาตานจริงหรือ รถใช้แก๊สก็อ่านได้

  • ผู้เริ่มหัวข้อ ผู้เริ่มหัวข้อ moderndic
  • วันที่เริ่มต้น วันที่เริ่มต้น

กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see

moderndic

New member
Register
เข้าร่วม
25 มิถุนายน 2011
ข้อความ
2
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #1
มารู้จริงเรื่อง Ethanol E85 หรือ Gasohol กันเถอะ ท่านใดต้องการแชร์ความรู้เชิญนะครับ
ท่านผู้ที่มักจะออกมาวิจารณ์เกี่ยวกับ Ethaol หรือ E85 ท่านที่เอาแต่พูดเรื่องค่าความร้อน หรือ BTU อยู่ตลอด แม้แต่รายการ Speed Channel ที่ออกอากาศทางUBC และทำตัวเป็น GURU ก็ยังปล่อยไก่เรื่องใช้ค่าความร้อน และฟันธงราวกับ E85 เป็นซาตาน มีแต่ผลเสีย กัดกร่อน และผลเสียอะไรต่อมิอะไรสารพัด ไม่รู้วันหนึ่งพิธีกรทั้งสามคนเมื่อรู้ตัวว่ามั่วจกาการหาข้อมูลไม่ครบถ้วนแล้วจะทำหน้าและรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองพูดหรือฟันธงลงไป จะทำอย่างไรเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน
เรื่อง BTU มีใครใช้ความร้อนไปในการขับเคลื่อนลูกสูบในกระบอกสูบบ้างหละ เค้าใช้ค่า Joule ประเด็นคือเป็น Work ไม่ใช่ Heat ต่างหาก พลังงานมีหลายรูปแบบ ทั้งพลังงานความร้อน พลังงานเสียง พลังงานแสง พลังงานลม อื่นๆอีกมากมาย
มาพูดถึงเรื่องพลังงานความร้อน จากการวิจัย
ถ้าใช้ลองจุดไฟ ไม้ 1+1/4 ปอนด์ - น้ำมันเชื้อเพลิง(Gasoline) 1 ถ้วย - Dynamite 4 ปอนด์
ทั้งสามชนิดนี้ จะให้ความร้อน(Heating Value) เท่ากันที่ 7000 Btu แต่ไม้ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะเผาไฟให้พลังงาน(Energy) น้ำมันใช้เวลา 2.5 milliseconds แต่ไดนาไมต์ใช้เวลา 4 microseconds แล้วอย่างนี้ผลมันเหมือนกันอย่างไรทั้งๆที่ให้ค่าความร้อนที่เท่ากัน แล้วผลปฎิกริยาของมันเหมือนกันไหมล่ะ ไดนาไมต์ให้ผลระเบิดที่รุนแรงนัก
ไม้ให้ 30 Kilowatts(พันวัตต์) น้ำมันให้ 3.2 Gigawatts(ล้านวัตต์) ไดนาไมต์ให้ 2000 Gigawatts(ล้านวัตต์)
ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งคืออุณหภูมิสะสมในเครื่องยนต์
เบนซินประมาณ 280-300 องศาC
LPG ประมาณ 450 องศา
NGV ประมาณ 600 องศา
ส่วน E85 ประมาณ 250 องศา
อุณหภูมิที่ลดลงหมายถึงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบระบายความร้อนสะสมเพื่อลดภาระของเครื่องยนต์ หรือประสิทธิภาพของน้ำมันหล่อลื่นที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งออกซิเจนที่มีปริมาณมากขึ้นจากโมเลกุลของ Ethanol ช่วยให้การเผาไหม้ที่สะอาดและสมบูรณ์มากขึ้น รวมถึง Gravity ของ Ethanol ที่มีมากกว่าร่วม 10% ( Ethanol 0.794 , Gasoline 0.70-0.78) นั่นหมายถึง Ethanol มีมวลหรือเนื้อมากกว่าในปริมาตรที่เท่ากัน สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบว่าทำไม ถ้ามีการฉีดจ่ายน้ำมันเพิ่มในประมาณที่เหมาะสมจากอุปกรณ์เสริมที่ทำมาโดยเฉพาะจะกินน้ำมันได้มีประสิทธิภาพมากกว่ารถที่เติม E85 โดยไม่มีอุปกรณ์ชุด Kitนี้เพิ่มขึ้นมา และที่สำคัญที่สุดก็คือการออกแบบและดีไซน์ทั้ง Hardware และ Software จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แล้วอย่างนี้ชุด Kit ที่มีขายอยู่เยอะแยะหลายยี่ห้อ จะให้ความสามารถที่เหมือนกันได้อย่างไร???

เดี๋ยวมีโอกาสจะมาต่อประเด็นการกัดกร่อน และ จริงหรือที่ระใช้ LPG ต้องใช้แต่ Benzene 91หรือ95 ห้ามใช้ Gasohol 91หรือ Gasohol95
 


  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #2
ขอตอบที่เกริ่นไว้นะครับ
รถใช้แก๊สสามารถใช้ Gasohol E10 ได้ครับ

แต่ต้องระวังปัญหา2เรื่่อง
1. ปัญหาอุดตันของ Sludge ที่Ethanolไปล้างมาสะสมที่ไส้กรอง เมื่อใช้Gasohol ครั้งแรก ซึ่งเรื่องนี้ ปตท.เคยเผยแพร่ไว้นานแล้ว
ตามลิงค์ http://www.topboosters.net/wizContent.asp?wizConID=94&txtmMenu_ID=56
2. ปัญหาPhase Seperation หรือที่เรียกกันว่าน้ำมันบูด หรือน้ำมันเน่า(มันมีกลิ่นเหม็น)
มันคืออาการของน้ำหรือความชื้นเกิดขึ้นในถังน้ำมันของคุณ อันเนื่องมาจากน้ำมันเบนซินมีสูตรโมเลกุลทางเคมีเช่น C6H6 เอทานอลจะมี OHเพิ่มขึ้นมาเช่น C2H5OH ประเด็นก็คือเมื่อรถใช้แกส ส่วนมากจะใช้น้ำมันสำหรับสตาร์ทแล้วกลับไปใช้LPG หรือNGV เป็นพลังงานในการขับขี่ น้ำมันเชื้อเพลิงในถังถูกใช้ไปน้อยทำให้เกิดการหมุนเวียนต่ำ และโดยตรรกะ เราไม่สามรถที่จะรักษาน้ำมันในถังให้อยู่ในระดับเต็มเปี่ยมตลอดเวลา เมื่อน้ำมันพร่อง สิ่งที่เข้าไปแทนที่คืออากาศ ไฮโดรเจน(H)หรือออกซิเจน(O) ก็จะไปทำปฎิกริยากับอากาศในถังน้ำมันซึ่งไม่ค่อยมีการหมุนเวียนกลั่นตัวเป็นความชื้นและหยดน้ำสะสมอยู่ในถังน้ำมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอทานอลซึ่งมีโมเลกุล O และH เป็นของแถมมา(ซึ่งแท้จริงเป็นของดีมาก) ก็จะยิ่งทำให้เกิดความชื้นสะสมเร็วกว่าน้ำมันเบนซินที่ไม่มีเอทานอลผสมอยู่ (ในเบนซินธรรมดาก็เกิดขึ้นด้วยจากH แต่จะเกิดขึ้นช้ากว่าช้ากว่า) น้ำและความชื้นสะสมในถังน้ำมันนี่เองที่จะเกิดการกัดกร่อนหรือที่เราเรียกว่าปฎิกริยา Oxidation (เหมือนเหล็กที่ขึ้นสนิม) ซึ่งแถมยังมีฤิทธิ์เป็นกรดด้วย ไปกัดกร่อนชิ้นส่วนต่างๆ ปัญหามิได้เกิดจากเอทานอลหรือE10โดยตรง
Sludge(คราบสิ่งสกปรกจากสารประกอบไฮโดรคาร์บอน และสิ่งสกปรก เหล่านั้นมาจากไหน อาจจะมาจากการกัดกร่อนอันเนื่องมาจากการOxidation ของน้ำที่สะสมอยู่เดิมในถังน้ำมันซึ่งมีฤิทธิ์เป็นกรด ถามต่อว่าน้ำมาจากไหนทั้งๆที่ก่อนหน้าที่ไม่ได้ใช้E10 คำตอบที่พอเป็นไปได้คือจากการเติมน้ำมันที่มีปริมาณความชื้นเข้าไปอาจจะจากปั้มน้ำมัน ผมไม่ได้ระบุว่ามาจากการจงใจผสมน้ำลงในถังน้ำมันของปั้มน้ำมันนะครับ แต่ความเป็นจริงก็คือถังเก็บน้ำมันใต้ดินในปั้มน้ำมันนั้นมีความชื้นหรือน้ำผสมอยู่ด้วยทั้งนั้นถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเบนซิน ดีเซล หรือแกสโซฮอลล์ อาจจะมาจากน้ำท่วมหัวลงน้ำมันหรือความชื้นสะสมในถังน้ำมันใต้ดินเป็นระยะเวลานานๆ สถานีบริการน้ำมันที่ก่อสร้างเมื่อไม่กี่ปีมานี้จะมีระบบคอมคอยควบคุมปริมาณน้ำมัน(วัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการลงน้ำมันเถื่อนและการตัดสต๊อกต่อยอดขาย)รวมถึงคอยเตือนปริมาณน้ำที่สะสมอยู่ในถังน้ำมันใต้ดิน ถ้าหากมีปริมาณมากเกินระบบก็จะส่งสัญญานเตือนให้ทำการสูบน้ำที่ผสมอยู่ข้างล่างออก แต่ถ้าเป็นปั้มรุ่นเก่าที่สร้างมานานแล้วจะไม่มีระบบนี้ซึ่งจะไม่สามารถทราบปริมาณน้ำในถังใต้ดินได้เลยจนกว่าเติมใส่รถลูกค้าแล้วเกิดอาการผิดปกติ นั่นหมายถึงว่ามีปริมาณน้ำมากมายแล้ว ปั้มยิ่งใหม่คนเข้าเติมเยอะการหมุนเวียนน้ำมันมีมาก ปั้มเก่าๆคนเติมน้อยการหมุนเวียนน้ำมันช้าโอกาสเกิดการ Phase Seperationในถังน้ำมันใต้ดินย่อมมีมากกว่า คือมันอาจจะเกิดมาตั้งแต่น้ำมันอยู่ในปั้มแล้วไม่ใช่เพิ่งมาเกิดในถังน้ำมันรถเรา นี่คือเหตุที่ว่าทำไมเวลาเติมน้ำมันควรเลือกสถานีบริการที่ใหม่มากกว่าที่ก่อสร้างมาแล้วนานๆ


Phase Sepearion ไม่เพียงก่อให้เกิดปัญหาในการกัดกร่อนภายในเท่านั้น แต่ทำให้น้ำมันที่อยู่ในถังลดคุณภาพไปด้วย คือสูญเสียอะตอมไฮโดรเจน(H) ซึ่งเป็นพลังงานสำคัญในเชื้อเพลิงไป เพราะมันหนีไปแต่งงานกับออกซิเจนกลายเป็นความชื้นไป ถึงเป็นที่มาของคำว่า"น้ำมันเสีย"ถ้าเราเก็บไว้นานๆไม่ว่าชนิดไหนก็ตาม

วิธีแก้ก็คือ
- ก่อนใช้ให้ล้างทำความสะอาดถังน้ำมัน หากรถใช้งานมาแล้วเป็นระยะเวลานานพอสมควร
-พยายามใช้น้ำมันให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนและช่วยการสะสมให้น้อยลง อีกทั้งยังเป็นการหล่อลื่นระบบด้วย
-เวลาเติมน้ำมันพยายามเลือกปั๊มที่ค่อนข้างใหม่ มีการหมุนเวียนน้ำมันสูง
-ใช้น้ำยาป้องกัน Phase Seperation

LPG เป็นพลังงานทางเลือก หากใช้อย่างเข้าใจ ปัญหาก็จะน้อยลง บางคันใช้ได้ไม่กี่หมื่นกิโลแตบางคันใช้ได้หลายแสนกิโล สี่แสนกิโลก็ยังมี ทั้งนี้อยู่ที่การดูแลรักษาเป็นสิ่งสำคัญ

ขอแถมเรื่องGasohol ระเหยไว

http://thaidriver.com/magazine-preview/oil/oil.html


โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านด้วยครับ คงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
 
มีหัวข้ออะไรเพิ่มเติมมัยครับ
 
สุดยอดเลยครับสำหลับข้อมูลดีๆ....ผมใช้LPGและโซฮอร์95 มา5ปี2แสนกว่าโลแล้วครับเครื่องยนต์ก็ยังดีอยู่เลย อยู่ที่การบำรุงรักษาจริงๆครับ.....
 

กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see
กลับ
ยอดนิยม