JavaScript ถูกปิดใช้งาน เพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่า กรุณาเปิดใช้งาน JavaScript ในเบราว์เซอร์ของคุณก่อนดำเนินการต่อ
คุณกำลังใช้เบราว์เซอร์ที่ล้าสมัย อาจไม่แสดงเว็บไซต์นี้หรือเว็บไซต์อื่นๆ ได้อย่างถูกต้อง
คุณควรอัปเกรดหรือใช้
เบราว์เซอร์ทางเลือก
มาใหม่อีกลูก "เฟืองท้ายแต่ง Skyline R32 nismo lsd 4.1"
กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see
"เฟืองท้าย Skyline R32 nismo lsd 4.1" เพลาข้าง 5 แฉก ตรูด 4 น๊อต มาอีกแล้ว ลูกละ (ขายแล้ว)
Cef@non ลอง/'/
085-000-0042
DSC09108.JPG
102.7 กิโลไบต์
· จำนวนการดู: 430
แก้ไขล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
มาอีกลูกแล้ววันนี้ สนมั้ย..
Cef@non ลอง/'/
085-000-0042
สนใจครับพี่ ว่าแต่เต็ดกี่เปอร์เซ็นครับ ส่งไปรษณีย์จะได้รึเปล่าครับพี่
สนใจครับพี่ ว่าแต่เต็ดกี่เปอร์เซ็นครับ ส่งไปรษณีย์จะได้รึเปล่าครับพี่
จากที่รู้จับกี่เปอร์เซนต์ อันนี้คงตอบไม่ได้ เพราะโดยเอกสารที่ศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้บอกว่าเต็ดแต่ละลูกหรือแต่ละยี่ห้อจับเป็นเปอร์เซนต์เท่าไหร่ เพียงแต่บอกว่าเป็นลักษณะ 1 WAY 1.5 WAY 2 WAY ก่อนตัดสินใจลองมาทำความเข้าใจหลักคร่าวของ LSD ก่อนดีกว่า
หลักการทำงานของลิมิตเต็ดสลิป lsd ใช้สำหรับให้ล้อหลังทั้งสองล้อซ้ายและขวามีแรงเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน หมายถึงเมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรีกำลังขับเคลื่อนจะถูกส่งจากล้อที่หมุนเร็วกว่าไปยังล้อที่หมุนช้ากว่า ทำให้ล้อที่หมุนฟรีอยู่มีลดกำลังขับเคลื่อนลง ขณะที่ล้ออีกข้างหนึ่งจะมีกำลังขับเคลื่อนมากกว่า ทำให้สามารถพารถเคลื่อนตัวต่อไปได้ โดยมีการออกแบบมาหลายลักษณะ แต่โดยรวมจะให้มีการส่งกำลังขับมายังล้อที่อยู่ตรงข้ามกับล้อที่หมุนฟรี เพื่อช่วยพยุงซึ่งกันและกันระหว่างล้อซ้ายและขวา วิธีที่ใช้คือใช้ความฝืดของแผ่นครัทซ์เปียกซ้อนกันหลายแผ่นเป็นตัวควบคุมกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อทั้งคู่โดยออกแบบภายในชุดตัวเรือนเฟืองดอกจอกให้มีชุดครัทซ์เป็นตัวส่งกำลังร่วมอยู่ที่ด้านหลังเฟืองดอกจอกตัวใหญ่หรือเฟืองหัวเพลาขับทั้ง2ข้างแทนที่จะส่งกันโดยตรงเพียงอย่างเดียวในเฟืองท้ายปกติทั่วไป และมีกลไกที่ทำให้ครัทซ์จับตัวเช่น ใช้สปริงกดเมื่อมีการลื่นไถลของล้อข้างใดข้างหนึ่งทำให้เกิดการส่งกำลังขับเคลื่อนไปที่ล้อทั้งคู่ หรือใช้แรงบิดจากระบบส่งกำลังมาทำให้ครัทซ์จับตัว หรือ แบบสปริงกดกระทำกับเฟืองแบบจานประกบกันและสวมกับหัวเพลาขับ เมื่อมีการเลี้ยวหรือล้อทั้ง2ข้างหมุนไม่เท่ากัน เฟืองที่ประกบกันอยู่จะแยกออกจากกัน ซึ่งจะทำให้เกิดเสียงดังจากการที่ร่องฟันเฟืองหมุนเสียดสีกัน
ทีนี้เวลาเต็ดจับตลอดเวลาคือล้อซ้ายและขวาหมุนเท่ากันตลอดเวลาคือเต็ดล๊อคตลอด เรามักเข้าใจเอาเองว่าเป็นเต็ด 100 % ข้อดีคือไม่มีการสูญเสียกำลังให้ล้อฟรีทั้ง 2 ล้อ แต่ข้อเสียคือ ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันคงลำบากหน่อย เลี้ยวยาก มีเสียง ดัง ยางสึก โดยไม่จำเป็น แต่เหมาะสำหรับการแข่งขันทั้งดริฟท์ทั้งควอเตอร์ไมล์ แหล่มสุด
แต่ถ้าเต็ดมีการคลายการจับบ้างเราก็เข้าใจเอาเองว่าเป็นเต็ด 80 % หรือเป็นเต็ด 30% 40% หรือบางคนก็บอก 25% สุดท้ายเลยจริงๆ แล้วมันมาจากอะไรที่บอกว่าเต็ดกี่ % เอาอะไรบ่งชี้ % ของเต็ด ปัจจุบันไม่มีใครยืนยันได้ แต่ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าถ้ามันต่ำกว่า 100% คือมันจับน้อยลงมาหน่อยก็สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีกว่า 100% แน่นอน
ทีนี้คงต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองว่าจะใช้งานอย่างไร ใช้ในชีวิตประจำวันหรือใช้แข่งขัน
หลักการ LSD 1way 1.5way 2way แตกต่างกันยังไง ลองดูครับ
Limeted slip ทั้ง 3 แบบนั้นเป็น Limited slip แบบที่ใช้แผ่นครัทซ์เปียกเป็นตัวล็อคเพลาข้างทั้งสอง ซึ่งหลักการทำงานคือ เมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต์กระทำสู่ชุดเรือนเฟืองดอกจอกที่มีตัว Limited slip อยู่ แรงบิดจะทำให้ตัวกดแผ่นครัทซ์นั้นถ่างออก ทำให้ไปกดแผ่นครัทซ์ให้ล็อคกัน ก็จะทำให้เพลาข้างทั่ง 2 ด้าน ล็อค และหมุนไปพร้อมๆ กันโดยไม่มีการสูญเสียกำลังไปยังด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งแต่ละแบบนั้นมีหลักการทำงานคล้ายกันแต่ต่างกันตรงที่ลักษณะการส่งแรงบิด
แบบ 1 Way
แบบนี้จะเป็น Limited slip ที่มีการจับตัวกันของแผ่นคลัทซ์ โดยแผ่นคลัทซ์จะจับตัวกันเมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต์ในทิศทางเดียวเท่านั้น คือ เข้าเกียร์เดินหน้า แล้วกดคันเร่งส่งแรงบิดไปยังเฟืองท้าย
พูดง่ายๆ เมื่อ กดเร่งมากเท่าไหร่ ครัทซ์ก็ยิ่งจับมากขึ้นเท่านั้น
แบบ 2 Way
แบบนี้ การทำงานก็จะคล้ายๆ กับแบบ 1 Way แต่ว่า แบบ 2 Way นั้นแผ่นคลัทซ์สามารถจับตัวกันได้ขณะเครื่องยนต์ส่งแรงบิดมายังชุดเรือนเฟืองดอกจอก ในทิศทางการหมุน ทั้ง 2 ทิศทาง (เดินหน้าและถอยหลัง) แรงที่กดแผ่นครัทซ์จะจับตัวด้วยแรงที่เท่ากัน ทั้งสองทิศทาง
พูดง่ายๆ คือ Limited slip จะทำงานก็ต่อเมื่อ กดคันเร่งเดินหน้า, ถอยหลัง หรือแม้แต่ขณะถอนคันเร่งให้เกิด Engine Brake (แรงหน่วงจากเครื่องยนต์ก็จะทำให้เกิดการกดของแผ่นครัทซ์ด้วย)
แบบ 1.5 Way
แบบนี้ก็เหมือนกับแบบ 2 Way คือจะทำงานได้ในขณะที่มีแรงบิด ได้ทั้ง 2 ทิศทาง แต่แรงกดของแผ่นคลัทซ์ในขณะถอยหลัง หรือ ขณะถอนคันเร่งให้เกิด Engine brake นั้น จะน้อยกว่าแรงกดขณะที่กดคันเร่งตอนเดินหน้า เพราะว่ามุมที่ทำให้ตัวกดแผ่นครัทซ์ถ่างออกตอนถอยหลังนั้น น้อยกว่า มุม ตอนเดินหน้า ก็ จะทำให้แรงกดนั้นน้อยกว่า
สุดท้ายเข้าประเด็นเพราะกล่อมมาเยอะแล้ว (ยังกับขายประกัน) ถ้าสนใจ Nismo ลูกนี้ จะเป็นประเภทใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แข่งขันก็ดีในระดับหนึ่ง (คือประเภทมือใหม่อะไรแบบนี้ ไม่ใช่มืออาชีพ) เอาเป็นว่าราคานี้พร้อมส่งขอนแก่นทางไปรษณีย์ครับ รับของที่ ปณ.ขอนแก่น ครับ ตัดสินใจอย่างไรก็กริ้งๆ กร้างๆ มาล่ะกันครับ
Cef@non ลอง/'/
085-000-0042
lsdaction.lsd.gif
18.2 กิโลไบต์
· จำนวนการดู: 996
จากที่รู้จับกี่เปอร์เซนต์ อันนี้คงตอบไม่ได้ เพราะโดยเอกสารที่ศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้บอกว่าเต็ดแต่ละลูกหรือแต่ละยี่ห้อจับเป็นเปอร์เซนต์เท่าไหร่ เพียงแต่บอกว่าเป็นลักษณะ 1 WAY 1.5 WAY 2 WAY ก่อนตัดสินใจลองมาทำความเข้าใจหลักคร่าวของ LSD ก่อนดีกว่า
หลักการทำงานของลิมิตเต็ดสลิป lsd ใช้สำหรับให้ล้อหลังทั้งสองล้อซ้ายและขวามีแรงเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน หมายถึงเมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรีกำลังขับเคลื่อนจะถูกส่งจากล้อที่หมุนเร็วกว่าไปยังล้อที่หมุนช้ากว่า ทำให้ล้อที่หมุนฟรีอยู่มีลดกำลังขับเคลื่อนลง ขณะที่ล้ออีกข้างหนึ่งจะมีกำลังขับเคลื่อนมากกว่า ทำให้สามารถพารถเคลื่อนตัวต่อไปได้ โดยมีการออกแบบมาหลายลักษณะ แต่โดยรวมจะให้มีการส่งกำลังขับมายังล้อที่อยู่ตรงข้ามกับล้อที่หมุนฟรี เพื่อช่วยพยุงซึ่งกันและกันระหว่างล้อซ้ายและขวา วิธีที่ใช้คือใช้ความฝืดของแผ่นครัทซ์เปียกซ้อนกันหลายแผ่นเป็นตัวควบคุมกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อทั้งคู่โดยออกแบบภายในชุดตัวเรือนเฟืองดอกจอกให้มีชุดครัทซ์เป็นตัวส่งกำลังร่วมอยู่ที่ด้านหลังเฟืองดอกจอกตัวใหญ่หรือเฟืองหัวเพลาขับทั้ง2ข้างแทนที่จะส่งกันโดยตรงเพียงอย่างเดียวในเฟืองท้ายปกติทั่วไป และมีกลไกที่ทำให้ครัทซ์จับตัวเช่น ใช้สปริงกดเมื่อมีการลื่นไถลของล้อข้างใดข้างหนึ่งทำให้เกิดการส่งกำลังขับเคลื่อนไปที่ล้อทั้งคู่ หรือใช้แรงบิดจากระบบส่งกำลังมาทำให้ครัทซ์จับตัว หรือ แบบสปริงกดกระทำกับเฟืองแบบจานประกบกันและสวมกับหัวเพลาขับ เมื่อมีการเลี้ยวหรือล้อทั้ง2ข้างหมุนไม่เท่ากัน เฟืองที่ประกบกันอยู่จะแยกออกจากกัน ซึ่งจะทำให้เกิดเสียงดังจากการที่ร่องฟันเฟืองหมุนเสียดสีกัน
ทีนี้เวลาเต็ดจับตลอดเวลาคือล้อซ้ายและขวาหมุนเท่ากันตลอดเวลาคือเต็ดล๊อคตลอด เรามักเข้าใจเอาเองว่าเป็นเต็ด 100 % ข้อดีคือไม่มีการสูญเสียกำลังให้ล้อฟรีทั้ง 2 ล้อ แต่ข้อเสียคือ ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันคงลำบากหน่อย เลี้ยวยาก มีเสียง ดัง ยางสึก โดยไม่จำเป็น แต่เหมาะสำหรับการแข่งขันทั้งดริฟท์ทั้งควอเตอร์ไมล์ แหล่มสุด
แต่ถ้าเต็ดมีการคลายการจับบ้างเราก็เข้าใจเอาเองว่าเป็นเต็ด 80 % หรือเป็นเต็ด 30% 40% หรือบางคนก็บอก 25% สุดท้ายเลยจริงๆ แล้วมันมาจากอะไรที่บอกว่าเต็ดกี่ % เอาอะไรบ่งชี้ % ของเต็ด ปัจจุบันไม่มีใครยืนยันได้ แต่ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าถ้ามันต่ำกว่า 100% คือมันจับน้อยลงมาหน่อยก็สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีกว่า 100% แน่นอน
ทีนี้คงต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองว่าจะใช้งานอย่างไร ใช้ในชีวิตประจำวันหรือใช้แข่งขัน
หลักการ LSD 1way 1.5way 2way แตกต่างกันยังไง ลองดูครับ
Limeted slip ทั้ง 3 แบบนั้นเป็น Limited slip แบบที่ใช้แผ่นครัทซ์เปียกเป็นตัวล็อคเพลาข้างทั้งสอง ซึ่งหลักการทำงานคือ เมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต์กระทำสู่ชุดเรือนเฟืองดอกจอกที่มีตัว Limited slip อยู่ แรงบิดจะทำให้ตัวกดแผ่นครัทซ์นั้นถ่างออก ทำให้ไปกดแผ่นครัทซ์ให้ล็อคกัน ก็จะทำให้เพลาข้างทั่ง 2 ด้าน ล็อค และหมุนไปพร้อมๆ กันโดยไม่มีการสูญเสียกำลังไปยังด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งแต่ละแบบนั้นมีหลักการทำงานคล้ายกันแต่ต่างกันตรงที่ลักษณะการส่งแรงบิด
แบบ 1 Way
แบบนี้จะเป็น Limited slip ที่มีการจับตัวกันของแผ่นคลัทซ์ โดยแผ่นคลัทซ์จะจับตัวกันเมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต์ในทิศทางเดียวเท่านั้น คือ เข้าเกียร์เดินหน้า แล้วกดคันเร่งส่งแรงบิดไปยังเฟืองท้าย
พูดง่ายๆ เมื่อ กดเร่งมากเท่าไหร่ ครัทซ์ก็ยิ่งจับมากขึ้นเท่านั้น
แบบ 2 Way
แบบนี้ การทำงานก็จะคล้ายๆ กับแบบ 1 Way แต่ว่า แบบ 2 Way นั้นแผ่นคลัทซ์สามารถจับตัวกันได้ขณะเครื่องยนต์ส่งแรงบิดมายังชุดเรือนเฟืองดอกจอก ในทิศทางการหมุน ทั้ง 2 ทิศทาง (เดินหน้าและถอยหลัง) แรงที่กดแผ่นครัทซ์จะจับตัวด้วยแรงที่เท่ากัน ทั้งสองทิศทาง
พูดง่ายๆ คือ Limited slip จะทำงานก็ต่อเมื่อ กดคันเร่งเดินหน้า, ถอยหลัง หรือแม้แต่ขณะถอนคันเร่งให้เกิด Engine Brake (แรงหน่วงจากเครื่องยนต์ก็จะทำให้เกิดการกดของแผ่นครัทซ์ด้วย)
แบบ 1.5 Way
แบบนี้ก็เหมือนกับแบบ 2 Way คือจะทำงานได้ในขณะที่มีแรงบิด ได้ทั้ง 2 ทิศทาง แต่แรงกดของแผ่นคลัทซ์ในขณะถอยหลัง หรือ ขณะถอนคันเร่งให้เกิด Engine brake นั้น จะน้อยกว่าแรงกดขณะที่กดคันเร่งตอนเดินหน้า เพราะว่ามุมที่ทำให้ตัวกดแผ่นครัทซ์ถ่างออกตอนถอยหลังนั้น น้อยกว่า มุม ตอนเดินหน้า ก็ จะทำให้แรงกดนั้นน้อยกว่า
สุดท้ายเข้าประเด็นเพราะกล่อมมาเยอะแล้ว (ยังกับขายประกัน) ถ้าสนใจ Nismo ลูกนี้ จะเป็นประเภทใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แข่งขันก็ดีในระดับหนึ่ง (คือประเภทมือใหม่อะไรแบบนี้ ไม่ใช่มืออาชีพ) เอาเป็นว่าราคานี้พร้อมส่งขอนแก่นทางไปรษณีย์ครับ รับของที่ ปณ.ขอนแก่น ครับ ตัดสินใจอย่างไรก็กริ้งๆ กร้างๆ มาล่ะกันครับ
Cef@non ลอง/'/
085-000-0042
ขอขอบพระคุณพี่ลองอย่างสูงครับที่ชี้แจงจนผมเข้าใจครับ
ขออภัยที่ตอบกลับช้าครับช่วงนี้อยู่โรงทานงานวัดบ้านตาดครับ
4.1ลูกนี้ผมขอมาใช้ครับ วันจัทร์นี้พี่ลองส่งของได้เลยครับ
ปล.มีผู้ใหญ่ชี้แนะแบบนี้ไม่ลองไม่ได้แล้วครับ มีโอกาศขอเข้าไปคารวะซักจอกครับพี่:coolly-0033:
สมาชิกชมรมเซฟิโร่-ไทยแลนด์
ขอบคุณครับป๋า ความรู้แท้ๆๆเลย
ขายต่อไป จองแล้วไม่มาเอา..
Cef@non ลอง/'/
085-000-0042
Cef@non ลอง/'/
085-000-0042
กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see