- กระทู้ ผู้เขียน
- #1
น้ำมันแพง ..............ต้องฉลาดเติม( ภาคพิสดาร)
ไม่ทราบว่าเหล่าผู้ชายเช่นคุณควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าน้ำมันกันยังไง
แต่ที่ Californiaผู้ใช้รถก็จ่ายไม่เบา
จนมีผู้รู้สอนเคล็ดลับการเติมน้ำมัน
เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถจ่ายเงินอย่างคุ้มค่า
ผู้รู้ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการน้ำมันกว่า 31 ปีเล่าว่า
เขาทำงานที่คลังน้ำมันแห่งหนึ่งใน
San Jose , CA
ซึ่งมีคลังเก็บ 34 คลัง
ขนาดบรรจุรวม 16,800,000 แกลลอน ณ
ที่นั่นแต่ละวันจะจ่ายน้ำมัน
ประมาณ 4 ล้านแกลลอน ตลอด 24 ชม.
โดยวันหนึ่งจ่ายน้ำมันดีเซล
อีกวันหนึ่งจ่ายน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันรถยนต์เกรดต่างๆ
สลับกันเขาบอกว่า
1.
จงเติมน้ำมันตอนเช้าขณะที่อุณหภูมิบนพื้นดินยังเย็นอยู่
อย่าลืมว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันฝั่งอยู่ใต้ดิน
เมื่อพื้นดินยิ่งเย็น
น้ำมันยิ่งควบแน่น
เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น
น้ำมันก็จะขยายตัวตาม
ดังนั้น หากเติมน้ำมันช่วงบ่ายหรือเย็น
คุณจ่ายค่าน้ำมัน 1 แกลลอน
แต่ได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ธุรกิจค้าน้ำมัน
ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน ดีเซล น้ำมันสำหรับเครื่องบิน
เอทานอล หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ
อุณหภูมิและความถ่วงจำเพาะ
มีบทบาทสำคัญ
อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา
หมายถึง.........เงินมหาศาลในธุรกิจนี้
แต่ปั๊มน้ำมันไม่มีการชดเชยอุณหภูมิให้ลูกค้า
2. ขณะเติมน้ำมัน
อย่าให้เด็กปั๊มตั้งหัวฉีดอยู่ในตำแหน่งไหลเร็ว
( ในอเมริกาเจ้าของรถต้องลงมือเติมเอง)
หากคุณสังเกต จะเห็นว่ากลไกเหนี่ยวมี
3 ระดับ คือ
low, middle, และ high
เมื่อตั้งในระดับไหลช้า
จะเกิดไอระเหยของน้ำมันน้อยที่สุด
หากตั้งในระดับไหลเร็ว
น้ำมันบางส่วนจะกลายเป็นไอระเหย
และถูกสูบย้อนกลับไปยังถังใ้ต้ดิน
นั่นหมายถึงคุณจ่ายเงินมากกว่าที่ควร
3.เคล็ดลับอีกอย่างคือควรเติมน้ำมันเมื่อน้ำมันในรถเหลือครึ่งถัง
( แหล่งข้อมูลบางแห่งแนะนำว่า เติมน้ำมันแค่ครึ่งถังก็พอ
จะได้ลดน้ำหนักบรรทุกและประหยัดน้ำมัน
ทั้งนี้และทั้งนั้น
ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองก็แล้วกัน ― หมายเหตุผู้แปล)
เหตุผลคือ น้ำมันบรรจุในถังยิ่งมาก เนื้อที่ว่างสำหรับไอระเหยก็ยิ่งน้อย
เพราะน้ำมันระเหยเป็นไอเร็วกว่าที่คุณคาดคิด
ในคลังเก็บน้ำมันจะมีอุปกรณ์ภายในถัง ทำหน้าที่เป็นเพดาน
ลอยขึ้นลงตามระดับน้ำมัน
ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างน้ำมันกับอากาศ
ลดไอระเหยของน้ำมันให้น้อยที่สุด
รถขนส่งน้ำมันเมื่อมาบรรทุกน้ำมัน
จึงเติมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ผิดกับที่ปั๊มน้ำมันซึ่งไม่มีการชดเชยอุณหภูมิ
4.ข้อเตือนใจอีกข้อหนึ่ง ขณะที่คุณขับรถเข้าปั๊มถ้าเห็นรถบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังเก็บใต้ดิน
จงอย่ารีบร้อนเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น
เพราะตอน
"ลงของ" สิ่งแปลกปลอม
ซึ่งปกติตกตะกอนอยู่ใต้ถัง จะถูกปั่นป่วนจนลอยตัว
หากคุณเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น
อาจมีโอกาสดูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รถคุณได้
โปรดแบ่งปันเคล็ดลับเหล่านี้ให้ทั่วถึงเพื่อทำให้เกิดอิทธิพลขึ้น
เราจำต้องส่งข้อมูลเหล่านี้ให้เข้าถึงผู้ใช้น้ำมันจำนวนนับล้าน
ซึ่งก็ไม่ยาก
ผู้เป็นต้นคิดส่งให้เพื่อนฝูง 30 ราย
หากแต่ละรายส่งต่ออีก 10 คน
( 30 x 10 = 300)...300 คนส่งต่ออีก 10 คน
( 300 x 10 = 3,000)
.. ทำเช่นนี้เป็นลูกโซ่ต่อเนื่อง
พอถึงลูกโซ่ข้อที่ 6
ข้อมูลก็จะถึงมือผู้ใช้น้ำมัน
3 ล้านคน
หาก 3 ล้านคนนั้นตื่นตัวพร้อมกัน
ต่างส่งต่ออีก 10 คน ก็จะมี
30 ล้านคนรับรู้ข้อมูลนี้
จากจุดนี้ก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
ลองทายดูว่าจะเป็นเท่าไร 300 ล้านแน่ะ
ฉะนั้น
ที่มา เวปเพื่อนบ้าน
ไม่ทราบว่าเหล่าผู้ชายเช่นคุณควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าน้ำมันกันยังไง
แต่ที่ Californiaผู้ใช้รถก็จ่ายไม่เบา
จนมีผู้รู้สอนเคล็ดลับการเติมน้ำมัน
เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถจ่ายเงินอย่างคุ้มค่า
ผู้รู้ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการน้ำมันกว่า 31 ปีเล่าว่า
เขาทำงานที่คลังน้ำมันแห่งหนึ่งใน
San Jose , CA
ซึ่งมีคลังเก็บ 34 คลัง
ขนาดบรรจุรวม 16,800,000 แกลลอน ณ
ที่นั่นแต่ละวันจะจ่ายน้ำมัน
ประมาณ 4 ล้านแกลลอน ตลอด 24 ชม.
โดยวันหนึ่งจ่ายน้ำมันดีเซล
อีกวันหนึ่งจ่ายน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันรถยนต์เกรดต่างๆ
สลับกันเขาบอกว่า
1.
จงเติมน้ำมันตอนเช้าขณะที่อุณหภูมิบนพื้นดินยังเย็นอยู่
อย่าลืมว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันฝั่งอยู่ใต้ดิน
เมื่อพื้นดินยิ่งเย็น
น้ำมันยิ่งควบแน่น
เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น
น้ำมันก็จะขยายตัวตาม
ดังนั้น หากเติมน้ำมันช่วงบ่ายหรือเย็น
คุณจ่ายค่าน้ำมัน 1 แกลลอน
แต่ได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ธุรกิจค้าน้ำมัน
ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน ดีเซล น้ำมันสำหรับเครื่องบิน
เอทานอล หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ
อุณหภูมิและความถ่วงจำเพาะ
มีบทบาทสำคัญ
อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา
หมายถึง.........เงินมหาศาลในธุรกิจนี้
แต่ปั๊มน้ำมันไม่มีการชดเชยอุณหภูมิให้ลูกค้า
2. ขณะเติมน้ำมัน
อย่าให้เด็กปั๊มตั้งหัวฉีดอยู่ในตำแหน่งไหลเร็ว
( ในอเมริกาเจ้าของรถต้องลงมือเติมเอง)
หากคุณสังเกต จะเห็นว่ากลไกเหนี่ยวมี
3 ระดับ คือ
low, middle, และ high
เมื่อตั้งในระดับไหลช้า
จะเกิดไอระเหยของน้ำมันน้อยที่สุด
หากตั้งในระดับไหลเร็ว
น้ำมันบางส่วนจะกลายเป็นไอระเหย
และถูกสูบย้อนกลับไปยังถังใ้ต้ดิน
นั่นหมายถึงคุณจ่ายเงินมากกว่าที่ควร
3.เคล็ดลับอีกอย่างคือควรเติมน้ำมันเมื่อน้ำมันในรถเหลือครึ่งถัง
( แหล่งข้อมูลบางแห่งแนะนำว่า เติมน้ำมันแค่ครึ่งถังก็พอ
จะได้ลดน้ำหนักบรรทุกและประหยัดน้ำมัน
ทั้งนี้และทั้งนั้น
ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองก็แล้วกัน ― หมายเหตุผู้แปล)
เหตุผลคือ น้ำมันบรรจุในถังยิ่งมาก เนื้อที่ว่างสำหรับไอระเหยก็ยิ่งน้อย
เพราะน้ำมันระเหยเป็นไอเร็วกว่าที่คุณคาดคิด
ในคลังเก็บน้ำมันจะมีอุปกรณ์ภายในถัง ทำหน้าที่เป็นเพดาน
ลอยขึ้นลงตามระดับน้ำมัน
ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างน้ำมันกับอากาศ
ลดไอระเหยของน้ำมันให้น้อยที่สุด
รถขนส่งน้ำมันเมื่อมาบรรทุกน้ำมัน
จึงเติมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ผิดกับที่ปั๊มน้ำมันซึ่งไม่มีการชดเชยอุณหภูมิ
4.ข้อเตือนใจอีกข้อหนึ่ง ขณะที่คุณขับรถเข้าปั๊มถ้าเห็นรถบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังเก็บใต้ดิน
จงอย่ารีบร้อนเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น
เพราะตอน
"ลงของ" สิ่งแปลกปลอม
ซึ่งปกติตกตะกอนอยู่ใต้ถัง จะถูกปั่นป่วนจนลอยตัว
หากคุณเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น
อาจมีโอกาสดูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รถคุณได้
โปรดแบ่งปันเคล็ดลับเหล่านี้ให้ทั่วถึงเพื่อทำให้เกิดอิทธิพลขึ้น
เราจำต้องส่งข้อมูลเหล่านี้ให้เข้าถึงผู้ใช้น้ำมันจำนวนนับล้าน
ซึ่งก็ไม่ยาก
ผู้เป็นต้นคิดส่งให้เพื่อนฝูง 30 ราย
หากแต่ละรายส่งต่ออีก 10 คน
( 30 x 10 = 300)...300 คนส่งต่ออีก 10 คน
( 300 x 10 = 3,000)
.. ทำเช่นนี้เป็นลูกโซ่ต่อเนื่อง
พอถึงลูกโซ่ข้อที่ 6
ข้อมูลก็จะถึงมือผู้ใช้น้ำมัน
3 ล้านคน
หาก 3 ล้านคนนั้นตื่นตัวพร้อมกัน
ต่างส่งต่ออีก 10 คน ก็จะมี
30 ล้านคนรับรู้ข้อมูลนี้
จากจุดนี้ก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
ลองทายดูว่าจะเป็นเท่าไร 300 ล้านแน่ะ
ฉะนั้น
ที่มา เวปเพื่อนบ้าน