- กระทู้ ผู้เขียน
- #1
:redface: แนะนำน้ำหอมยอดนิยม...
10 อับดับน้ำหอมกลิ่นยอดนิยม (รวมผลิตภัณฑ์น้ำหอม) |Anna Sui | Burberry | Bvlgari | Cacharel | Calvin Klein | Carolina Herrera |Christian Dior |Clinique |DKNY | Davidoff | Elizabeth Arden | Escada | Estee Lauder | Giorgio Armani | Gucci | Issey Miyake | Jennifer Lopez | Jessica Parker | Kenzo | Lacoste|Lancome | Moschino | Narciso Rodriguez | Paul Smith | Ralph Lauren | Salvatore Ferragamo | Tommy | Versace
:sweet_kiss: ใครชอบแบบไหน กลิ่นใด ชาย หญิง หลงไหล
หรือแบบ เกย์ กะเทย ตุ๊ด ได้กลิ่นแล้วเป็นปลื้มมมม.....
[TBODY]
[TD colSpan=5>
เคยรู้มั้ย...น้ำหอมมีความเป็นมายังไง? history
[/TD]
[TR][TD width=250 colSpan=2]นํ้าหอมที่วางขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่นั้น จะเป็น Eau de Parfum และ Eau de Toilette แต่ที่นิยมใช้กันนั้นจะเป็น Eau de Toilette เสียมากกว่า ซึ่งความหอมระดับนี้จะมาเป็น ส่วนประกอบในสินค้าอื่นๆ นอกจาก นํ้าหอมด้วย เช่น โลชั่นทาผิว, สบู่, โฟมอาบนํ้า และอีกมากมาย มีคำถามอยู่คำถามหนึ่งที่ยากที่จะตอบมากนั่นก็คือ คำถามที่ว่า เราจะหา ซื้อนํ้าหอมจากที่ไหนถึงจะดีที่สุด ?[/TD][TD width=269 colSpan=2]
[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4] ซึ่งในปัจจุบันนี้คุณสามารถหาซื้อนํ้าหอม ได้จากหลายแห่งด้วยกัน หรือแม้แต่จะสั่งซื้อผ่านทาง Internet อย่างเช่น ที่ PerfumeLover แห่งนี้คุณก็สามารถเลือก Shopping นํ้าหอมที่คุณชอบได้ เช่นกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่คุณควรคำนึงถึงเสมอ ในการเลือกซื้อนํ้าหอมก็คือ คุณจะมั่นใจ ได้อย่างไรว่า นํ้าหอมที่คุณซื้อมานั้นคือ "ของจริง" ไม่ใช่ของที่ทำ เลียนแบบ หรือ "ของปลอม" นั่นเอง
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนํ้าหอมบอกว่า เป็นการยากมากกับการที่เขาจะแนะนำ นํ้าหอมให้กับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะแต่ละคนก็จะมี Style และรสนิยมที่ แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ระเอียดอ่อนมาก เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเมื่อคุณจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกซื้อนํ้าหอมตามสถานที่ต่างๆ คุณจำเป็นต้องมีความรู้ใน การเลือกซื้อ ซึ่งก็มีวิธีการเรื่องที่เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาฝากดังนี้ [/TD][/TR][TR][TD colSpan=4] เวลาที่คุณไปเลือกซื้อนํ้าหอมนั้น ก่อนการเลือกซื้อถ้าเป็นไปได้ เราไม่ควร ที่จะรับประทานอาหารที่มีรสจัด, ไม่ควรออกกำลังกายที่ทำให้เกิดความ เหน็ดเหนื่อยมากจนเกินไป ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ มันจะส่งผลต่อ กับรับรู้กลิ่น นํ้าหอมให้ผิดเพี้ยนไป และ นอกจากนี้ เรายังไม่ควรไปเลือกซื้อนํ้าหอม ในช่วง ที่เราเพิ่งจะฟื้นจากอาการเจ็บป่วย หรือไม่สบาย หรือ เพิ่งสูบบุหรี่เสร็จ เพราะ การกระทำ เช่นนี้ ก็จะมีผลต่อ การรับรู้กลิ่นนํ้า ทำให้กลิ่นนํ้าหอมที่เราสัมผัส พลิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงด้วยเช่นกัน[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4]ในส่วนของเวลาที่เรา ทดลองนํ้าหอม ที่เราไปเลือกซื้อนั้น จุดทดีที่สุด ของร่างกาย ที่เราทดลองฉีดนํ้าหอมนั้น ก็คือตรงบริเวณ "ข้อมือ" นั่นเอง ในกรณีที่เราทดลอง นํ้าหอมมากกว่าหนึ่งกลิ่น เราก็ควรใช้ข้อมืออีกข้างหนึ่ง และถ้าเราทดลองนํ้าหอมมากกว่า 2 กลิ่นนั้น บริเวฯที่เราควรฉีดนํ้าหอม ลงไปก็คือ บริเวณแขนที่ไล่ จากข้อมือของเรา ขึ้นไปเรื่อยๆนั่นเอง เมื่อเราฉีด นํ้าหอมไปในบริเวณ ที่เราแนะนำไปแล้วนั้น เราไม่ควรที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ นํ้าหอมจากกลิ่นที่เราได้สัมผัส ณ. เวลานั้นเลย เราควรทิ้งไวอย่างน้อยที่สุด ประมาณ 20 นาที ถ้าเป็นไปได้ควรจะประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงตัดสินใจ เลือกซื้อ[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4] แต่ในปัจจุบัน นํ้าหอมแต่ละยี่ห้อนั้นได้ทำ Blotting paper ให้เราได้ทดลองกลิ่นนํ้าหอม แต่วิธีนี้ มันดีสำหรับในการรับรู้กลิ่นในสัมผัสแรกนั้น และดีสำหรับการทดลองกลิ่นนํ้าหอมหลายๆกลิ่น ในเวลาเดียวกัน แต่วิธีนี้จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีเท่ากับ การที่คุณทดลองนํ้าหอมด้วยผิวหนังของคุณเอง
[/TD][/TR][TR][TD colSpan=2]วิธีการใช้นํ้าหอมนั้นเราควรจะฉีดนํ้าหอมในส่วนต่างๆ ของร่างกายดังนี้ เพื่อให้นํ้าหอมนั้น ได้ทำหน้าที่ในการส่งกลิ่นหอมให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราควรฉีดนํ้าหอมตรง ชีพจร, ข้อมือ, กระดูกไหปลาร้า, สะดือ, หรือแม้แต่บริเวณข้อพับขา ของเราเอง เราไม่ควรฉีดนํ้าหอมตรงบริเวณ ด้านหลังใบหูเพราะตรงบริเวณนี้กลิ่นนํ้าหอมและแอลกลอฮอล์จะระเหย ไปอย่างรวดเร็วนั่นเอง บางคนก็จะฉีดนํ้าหอมหลังจากเราอาบนํ้า เสร็จใหม่ๆ ในขณะที่ผิวกำลังมีความชื้นอยู่ ซึ่งวิธีนี้ก็จะทำให้ กลิ่นนํ้าหอมนั้น ติดทนนานมากยิ่งขึ้น ในบางคนก็แนะนำให้ใส่นํ้าหอม ลงไปผสมในนํ้าสุดท้ายที่ เราใช้ซักชุดชั้นใน เพื่อที่จะให้กลิ่นนํ้าหอม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราเลยทีเดียว[/TD][TD colSpan=2]
[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4] ในเรื่องของการเก็บรักษานํ้าหอมนั้น เราควรรับรู้ไว้ว่านํ้าหอมจะ ได้รับผลและเกิดปฏิกริยาโดยตรงกับ อากาศ, ความร้อน, แสง ดังนั้น เราควรที่จะเก็นขวดนํ้าหอมของคุณ ไว้ในสถานที่ ที่มีความเย็น มืด ซึ่งการเก็บนํ้าหอมตามวิธีนี้นั้น คุณจะสามารถเก็นรักษานํ้าหอมของคุณ ได้นานถึง 20 เลยทีเดียว โดยที่กลิ่นของนํ้าหอมก็จะไม่เปลี่ยนไป ถ้าคุณเก็บนํ้าหอมไม่ถูกวิธี นํ้าหอมของคุณก็จะเสื่อมลง และก็จะกายเป็น กรดไปในที่สุดนั่นเอง [/TD][/TR]
[/TD /][/TR /][/TBODY]
ข้อมูลจาก: perfumelover.com
[TBODY]
[/TBODY]
[/TD][/TR][/TBODY]
[/TD][/TR][/TBODY]
10 อับดับน้ำหอมกลิ่นยอดนิยม (รวมผลิตภัณฑ์น้ำหอม) |Anna Sui | Burberry | Bvlgari | Cacharel | Calvin Klein | Carolina Herrera |Christian Dior |Clinique |DKNY | Davidoff | Elizabeth Arden | Escada | Estee Lauder | Giorgio Armani | Gucci | Issey Miyake | Jennifer Lopez | Jessica Parker | Kenzo | Lacoste|Lancome | Moschino | Narciso Rodriguez | Paul Smith | Ralph Lauren | Salvatore Ferragamo | Tommy | Versace
:sweet_kiss: ใครชอบแบบไหน กลิ่นใด ชาย หญิง หลงไหล
หรือแบบ เกย์ กะเทย ตุ๊ด ได้กลิ่นแล้วเป็นปลื้มมมม.....
เราเชื่อกันว่านํ้าหอมนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว จากหลักฐานภาพวาดจิตรกรรม ฝาผนังตอนหนึ่งที่วิหารของพระราชินี Hatshepsut ที่เมือง Thebes ในประเทศ Egypt ที่เป็นรูปของหญิงสาวชาวอิยิปต์โบราณกำลังโชลม นํ้าหอมลงบนศรีษะ ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่ามีการใช้นํ้าหอม กันแล้วในยุคนั้น ซึ่งคาดว่านักเดินเรือชาวอิยิปต์ได้ไปนำมาจาก ดินแดนอื่น นํ้าหอมในสมัยโบราณนั้นจะทำมาจากยางไม้หอม ซึ่งยางไม่หอมแบบนี้จะมีอยู่ที่ Arabia และ Somalia เท่านั้น คำว่า "Perfume" นี้มีรากศัพท์มาจากภาษา ละติน ที่แปลว่า "ควัน" ในกรีก (Greek) โบราณคนที่ทำนํ้าหอมนั้นจะเป็นผู้หญิง ซึ่งได้ปรับปรุง มรดกการทำนํ้าหอมที่ตกถอดมาจากชาวอียิปต์โบราณให้พัฒนาดีขึ้นไป ในช่วงเวลาของจักรวรรดิโรมัน (Roman) การทำนํ้าหอมเขาจะใช้ยางไม้หอม จากต้นไม้จำพวก Boswellia โดยสั่งนำเข้ามาจาก Arabia และได้บวกกับส่วนผสม ที่ได้มาจากทะเลจากประเทศอินเดียซึ่งเป็นส่วนผสมใหมที่ใส่ลงไปในการทำนํ้าหอม ของชาวโรมันในสมัยนั้น เศรษฐีชาวโรมันจะใช้นํ้าหอมตามความพอใจ ชนิดที่เรียกได้ว่าใช้แบบล้างผลาญ เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ พวกเศรษฐีเหล่านี้จะเอานํ้าหอมไปพ่นและฉีดตามพื้นและกำแพง บ้านของตัวเอง และนอกจากนี้ยังนำนํ้าหมไปฉีดให้กับสัตว์เลี้ยงของบรรดาเศรษฐี อีกด้วยไม่ว่าจะเป็น สุนัข และ ม้า | ||||
แต่ก้าวสำคัญในประวัติศสาตร์ของนํ้าหอม แล้วนั้นจะเกิดขึ้นในยุคกลาง (Middle ages) เมื่อชาวอาหรับ (Arabs) ได้คิดค้นพัฒนา เทคนิคในการ กลั่นนํ้าหอมได้เป็นผลสำเร็จ พื้นที่ ขนาดใหญ่โตของอาณาจักรเปอร์เซีย ได้ทำการ ปลูกดอกกุหลาบ เพื่อที่จะนำมาสกัดเป็นนํ้าหอม เนื้อที่ที่ใช้ปลูก ดอกกุหลาบนี้ใหญ่โตมหาศาล มาก จนถึงกับมี เรื่องเล่าขานกันว่า "กรุง Baghdad" (เมืองหลวงของประเทศอิรักในปัจจุบัน) ในสมัยนั้นได้สมญานาม ที่เรียกขานกันว่า "City of Fragrances" นอกจากนี้ชาวอาหรับยังได้ค้นพบ ส่วนผสมตัวใหม่ในการทำ นํ้าหอมอีกด้วยนั่นก็คือ สารที่ได้จากตัวชะมด หรือ กลิ่น ชะมดนั่นเอง | ||||
ชาวอาหรับได้นำเจ้ากลิ่นชะมดนี้ไปผสมกับปูนขาว และพวกเขาก็นำ ปูนขาวที่ได้นี้ไปใช้สร้างสุเหร่า (Mosque) และพระราชวัง ซึ่งก็ทำให้ได้สุเหร่า และพระราชวังที่มีกลิ่นหอมไปทั่วทั้งเมือง และนี่คืออีกหนึ่งที่มาจากเรื่องเล่าถึงคำว่า "City of Fragrances" นั่นเอง
- Eau de Toilette คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนท 4-8 % - Eau de Cologne คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนท 3-5 % |
เคยรู้มั้ย...น้ำหอมมีความเป็นมายังไง? history
[/TD]
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนํ้าหอมบอกว่า เป็นการยากมากกับการที่เขาจะแนะนำ นํ้าหอมให้กับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะแต่ละคนก็จะมี Style และรสนิยมที่ แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ระเอียดอ่อนมาก เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเมื่อคุณจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกซื้อนํ้าหอมตามสถานที่ต่างๆ คุณจำเป็นต้องมีความรู้ใน การเลือกซื้อ ซึ่งก็มีวิธีการเรื่องที่เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาฝากดังนี้ [/TD][/TR][TR][TD colSpan=4] เวลาที่คุณไปเลือกซื้อนํ้าหอมนั้น ก่อนการเลือกซื้อถ้าเป็นไปได้ เราไม่ควร ที่จะรับประทานอาหารที่มีรสจัด, ไม่ควรออกกำลังกายที่ทำให้เกิดความ เหน็ดเหนื่อยมากจนเกินไป ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ มันจะส่งผลต่อ กับรับรู้กลิ่น นํ้าหอมให้ผิดเพี้ยนไป และ นอกจากนี้ เรายังไม่ควรไปเลือกซื้อนํ้าหอม ในช่วง ที่เราเพิ่งจะฟื้นจากอาการเจ็บป่วย หรือไม่สบาย หรือ เพิ่งสูบบุหรี่เสร็จ เพราะ การกระทำ เช่นนี้ ก็จะมีผลต่อ การรับรู้กลิ่นนํ้า ทำให้กลิ่นนํ้าหอมที่เราสัมผัส พลิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงด้วยเช่นกัน[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4]ในส่วนของเวลาที่เรา ทดลองนํ้าหอม ที่เราไปเลือกซื้อนั้น จุดทดีที่สุด ของร่างกาย ที่เราทดลองฉีดนํ้าหอมนั้น ก็คือตรงบริเวณ "ข้อมือ" นั่นเอง ในกรณีที่เราทดลอง นํ้าหอมมากกว่าหนึ่งกลิ่น เราก็ควรใช้ข้อมืออีกข้างหนึ่ง และถ้าเราทดลองนํ้าหอมมากกว่า 2 กลิ่นนั้น บริเวฯที่เราควรฉีดนํ้าหอม ลงไปก็คือ บริเวณแขนที่ไล่ จากข้อมือของเรา ขึ้นไปเรื่อยๆนั่นเอง เมื่อเราฉีด นํ้าหอมไปในบริเวณ ที่เราแนะนำไปแล้วนั้น เราไม่ควรที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ นํ้าหอมจากกลิ่นที่เราได้สัมผัส ณ. เวลานั้นเลย เราควรทิ้งไวอย่างน้อยที่สุด ประมาณ 20 นาที ถ้าเป็นไปได้ควรจะประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงตัดสินใจ เลือกซื้อ[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4] แต่ในปัจจุบัน นํ้าหอมแต่ละยี่ห้อนั้นได้ทำ Blotting paper ให้เราได้ทดลองกลิ่นนํ้าหอม แต่วิธีนี้ มันดีสำหรับในการรับรู้กลิ่นในสัมผัสแรกนั้น และดีสำหรับการทดลองกลิ่นนํ้าหอมหลายๆกลิ่น ในเวลาเดียวกัน แต่วิธีนี้จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีเท่ากับ การที่คุณทดลองนํ้าหอมด้วยผิวหนังของคุณเอง
[/TD][/TR][TR][TD colSpan=2]วิธีการใช้นํ้าหอมนั้นเราควรจะฉีดนํ้าหอมในส่วนต่างๆ ของร่างกายดังนี้ เพื่อให้นํ้าหอมนั้น ได้ทำหน้าที่ในการส่งกลิ่นหอมให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราควรฉีดนํ้าหอมตรง ชีพจร, ข้อมือ, กระดูกไหปลาร้า, สะดือ, หรือแม้แต่บริเวณข้อพับขา ของเราเอง เราไม่ควรฉีดนํ้าหอมตรงบริเวณ ด้านหลังใบหูเพราะตรงบริเวณนี้กลิ่นนํ้าหอมและแอลกลอฮอล์จะระเหย ไปอย่างรวดเร็วนั่นเอง บางคนก็จะฉีดนํ้าหอมหลังจากเราอาบนํ้า เสร็จใหม่ๆ ในขณะที่ผิวกำลังมีความชื้นอยู่ ซึ่งวิธีนี้ก็จะทำให้ กลิ่นนํ้าหอมนั้น ติดทนนานมากยิ่งขึ้น ในบางคนก็แนะนำให้ใส่นํ้าหอม ลงไปผสมในนํ้าสุดท้ายที่ เราใช้ซักชุดชั้นใน เพื่อที่จะให้กลิ่นนํ้าหอม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราเลยทีเดียว[/TD][TD colSpan=2]
| |
|