• สวัสดีครับชาวโลมาสีฟ้า cefiro-thailand.com

    เว็บไซต์แห่งนี้เราเปิดให้ใช้งานกับฟรีๆ สามารถโพสต์อัพเดทสถานการณ์ต่างๆข่าวสารบ้านเมืองและข่าวสารของกลุ่ม cefiro-thailand.com ได้เต็มที่เลยนะครับขอแค่ไม่เป็นการปั่นกระทู้หรือโฆษณาอะไรที่มันล่อแหลมจนเกินไป
    เว็บไซต์ไม่ต้องเสียค่าสมัครใดใดทั้งสิ้นมีข้อเสนอแนะอะไรสามารถแนะนำเข้ามาได้ครับยินดีปรับแต่งและแก้ไขถ้าสามารถทำได้

    กฎระเบียบของเราก็ไม่มีอะไรมากท่านสามารถใช้งานได้เต็มที่

วันอังคาร 31 ก.ค.50 แนะนำ 10 อันดับน้ำหอม

  • ผู้เริ่มหัวข้อ ผู้เริ่มหัวข้อ A31009
  • วันที่เริ่มต้น วันที่เริ่มต้น

กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see

A31009

สาวกรากหญ้า
Moderator
Register
เข้าร่วม
18 ก.พ. 2007
ข้อความ
3,660
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #1
:redface: แนะนำน้ำหอมยอดนิยม...
10 อับดับน้ำหอมกลิ่นยอดนิยม (รวมผลิตภัณฑ์น้ำหอม) |Anna Sui | Burberry | Bvlgari | Cacharel | Calvin Klein | Carolina Herrera |Christian Dior |Clinique |DKNY | Davidoff | Elizabeth Arden | Escada | Estee Lauder | Giorgio Armani | Gucci | Issey Miyake | Jennifer Lopez | Jessica Parker | Kenzo | Lacoste|Lancome | Moschino | Narciso Rodriguez | Paul Smith | Ralph Lauren | Salvatore Ferragamo | Tommy | Versace

:sweet_kiss: ใครชอบแบบไหน กลิ่นใด ชาย หญิง หลงไหล
หรือแบบ เกย์ กะเทย ตุ๊ด ได้กลิ่นแล้วเป็นปลื้มมมม.....


เราเชื่อกันว่านํ้าหอมนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว จากหลักฐานภาพวาดจิตรกรรม ฝาผนังตอนหนึ่งที่วิหารของพระราชินี Hatshepsut ที่เมือง Thebes ในประเทศ Egypt ที่เป็นรูปของหญิงสาวชาวอิยิปต์โบราณกำลังโชลม นํ้าหอมลงบนศรีษะ ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่ามีการใช้นํ้าหอม กันแล้วในยุคนั้น ซึ่งคาดว่านักเดินเรือชาวอิยิปต์ได้ไปนำมาจาก ดินแดนอื่น นํ้าหอมในสมัยโบราณนั้นจะทำมาจากยางไม้หอม ซึ่งยางไม่หอมแบบนี้จะมีอยู่ที่ Arabia และ Somalia เท่านั้น คำว่า "Perfume" นี้มีรากศัพท์มาจากภาษา ละติน ที่แปลว่า "ควัน" ในกรีก (Greek) โบราณคนที่ทำนํ้าหอมนั้นจะเป็นผู้หญิง ซึ่งได้ปรับปรุง มรดกการทำนํ้าหอมที่ตกถอดมาจากชาวอียิปต์โบราณให้พัฒนาดีขึ้นไป ในช่วงเวลาของจักรวรรดิโรมัน (Roman) การทำนํ้าหอมเขาจะใช้ยางไม้หอม จากต้นไม้จำพวก Boswellia โดยสั่งนำเข้ามาจาก Arabia และได้บวกกับส่วนผสม ที่ได้มาจากทะเลจากประเทศอินเดียซึ่งเป็นส่วนผสมใหมที่ใส่ลงไปในการทำนํ้าหอม ของชาวโรมันในสมัยนั้น เศรษฐีชาวโรมันจะใช้นํ้าหอมตามความพอใจ ชนิดที่เรียกได้ว่าใช้แบบล้างผลาญ เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ พวกเศรษฐีเหล่านี้จะเอานํ้าหอมไปพ่นและฉีดตามพื้นและกำแพง บ้านของตัวเอง และนอกจากนี้ยังนำนํ้าหมไปฉีดให้กับสัตว์เลี้ยงของบรรดาเศรษฐี อีกด้วยไม่ว่าจะเป็น สุนัข และ ม้า
แต่ก้าวสำคัญในประวัติศสาตร์ของนํ้าหอม แล้วนั้นจะเกิดขึ้นในยุคกลาง (Middle ages) เมื่อชาวอาหรับ (Arabs) ได้คิดค้นพัฒนา เทคนิคในการ กลั่นนํ้าหอมได้เป็นผลสำเร็จ พื้นที่ ขนาดใหญ่โตของอาณาจักรเปอร์เซีย ได้ทำการ ปลูกดอกกุหลาบ เพื่อที่จะนำมาสกัดเป็นนํ้าหอม เนื้อที่ที่ใช้ปลูก ดอกกุหลาบนี้ใหญ่โตมหาศาล มาก จนถึงกับมี เรื่องเล่าขานกันว่า "กรุง Baghdad" (เมืองหลวงของประเทศอิรักในปัจจุบัน) ในสมัยนั้นได้สมญานาม ที่เรียกขานกันว่า "City of Fragrances" นอกจากนี้ชาวอาหรับยังได้ค้นพบ ส่วนผสมตัวใหม่ในการทำ นํ้าหอมอีกด้วยนั่นก็คือ สารที่ได้จากตัวชะมด หรือ กลิ่น ชะมดนั่นเอง
rose.jpg


ชาวอาหรับได้นำเจ้ากลิ่นชะมดนี้ไปผสมกับปูนขาว และพวกเขาก็นำ ปูนขาวที่ได้นี้ไปใช้สร้างสุเหร่า (Mosque) และพระราชวัง ซึ่งก็ทำให้ได้สุเหร่า และพระราชวังที่มีกลิ่นหอมไปทั่วทั้งเมือง และนี่คืออีกหนึ่งที่มาจากเรื่องเล่าถึงคำว่า "City of Fragrances" นั่นเอง

ในช่วงสมัยของ Crusaders ได้นำเครื่องหอมจาก อาหรับไปให้ชาวยุโรปได้รู้จัก แต่สำหรับก้าวแรกของนํ้าหอม ในยุโรปนั้นเริ่มจริงๆก็ในศตรวรรษที่ 16 เมื่อ แคทเธอรีน เดอ เมคิชี่ (Catherine de Medici) มาที่ประเทศ Italy เพื่อที่จะแต่งงานกับอนาคตกษัตริย์ในช่วงนั้น จากนี้ไปนํ้าหอม ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในต้นศตรวรรษที่ 19 ได้มีนักเคมีได้ทำการสังเคราะห์นํ้าหอมจาก สารเคมีจนได้กลิ่น ต่างๆ มากมายหลายพันกลิ่น จนกระทั่งนํ้าหอมได้กระจายไปทั่ว จนเป็นอุตสาหกรรม ขนาดใหญ่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน Ingredients-กลิ่นน้ำหอมผู้คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า กลิ่นของนํ้าหอมที่ได้จากต้นไม้นั้น มักจะมาจากดอกไม้ แต่น่าประหลาดใจมาก ส่วนอื่นๆของต้นไม้นั้น เราก็นำมาใช้ทำนํ้าหอมได้ ไม่ว่าจะเป็น ลำต้น ใบไม้ เนื้อไม้ ผล เมล็ด เปลือก และ ยางไม้ นอกจากส่วนต่างๆที่กล่าวมานี้นั้น
เรามาทำความรูจักกับชนิดของต้นไม้ ที่คนปรุงนํ้าหอมเขานำมาใช้ใน การทำนํ้าหอม ที่นิยมนำมาใช้มากในอันดับต้นๆ ดังนี้
- Balsam : เป็นยางไม้หอมชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง Balsam ที่นิยมในแวดวง การผลิตเครื่องหอม ในปัจจุบันเป็นอันดับต้นๆ ก็คือ Balsam จากประเทศ เปรู
- Bergamot : ก็คือ ต้นมะกูดนั่นเอง ส่วนของมะกูดที่ใช้สกัด ทำมํ้าหอมก็คือ บริเวณเปลือก ของลูกมะกูดนั่นเอง กิ่นหอมที่สกัดจากผิวของลูกมะกูดนี้ส่วนใหญ่ จะนำไปใช้ใน นํ้าหอมสำหรับผู้หญิง
- Frankincense :เป็นยางไม้หอมจากต้นไม้จำพวก Boswellia เจ้าต้น Boswellia เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ที่เจริญเติบโตทางตอนใต้ของ Arabia และ Somalia ซึ่งยางไม้ชนิดนี้ เป็นส่วนสำคัญมาก ในการทำเครื่องหอม สมัยอณาจักรโรมันโบราณ ในปัจจุบันเราใช้ Frankincense เป็นส่วนผสมของ นํ้าหอมสมัยใหม่ถึง 13%
- Galbanum :เป็นยางไม้ของ ต้นยี่หร่า จากประเทศ Iran เจ้า Galbanum จะมีกลิ่นหอม ออกไปทาง Spicy
- Jasmine : ต้นมะลิใช้เป็นส่วนผสมหลัก ของนํ้าหอมในปัจจุบันมากกว่า 80 % เป็นรองก็ แค่ดอกกุหลาบ พันธุ์ของมะลิที่นิยมใช้ในการทำนํ้หอมก็คือ มะลิจากประเทศสเปน หรือที่เรียกกันว่า Royal Jasmine ซึ่งใช้มากที่สุดในยุโรป มาตั้งแต่ศตรวรรษที่ 16 แล้ว Royal Jasmine นี้จะเป็น ส่วนผสม ในการทำนํ้าหอม ที่แพงที่สุด เพราะว่า จากมะลิ 500 ปอนด์ จะกลั่นออกมาใช้ทำนํ้าหอม ได้แค่เพียง 0.1 % เท่านั้น
- Labdanum : เป็นหยดเล็กๆ ของยางไม้จากใบของต้น Cistus ที่ขึ้นอยู่ ในตะวันออกกลาง เราใช้ยางไม้ชนิดนี้ถึง 33% ในการทำนํ้าหอมในปัจจุบัน
- Lavender : เป็นส่วนผสมหลัก ในการทำนํ้าหอมมานานแล้ว นับตั้งแต่สมัย กรีก - โรมัน โบราณ ครั้งหนึ่งในประเทศ ฝรั่งเศส เคยปลูกต้น Lavender นี้ถึง 5,000 ตัน ต่อปีมาแล้ว
- Lemon : ผิวของผลมะนาว เป็นส่วนผสมที่จำเป็น ในการทำนํ้าหอม ที่ต้องการให้ได้กลิ่นหอม ที่สดชื่น สดใส มีชีวิตชีวา
- Lily of the Valley : ในช่วงเริ่มแรกของการทำนํ้าหอมนั้น เราได้ กลิ่นหอมของดอก Lily โดยการใส่ดอก lily ลงไปในนํ้ามัน แต่ในปัจจุบัน เราใช้กรรมวิธีที่ทันสมัย โดยการสกัดเอากลิ่นหอมของ lily ออกมา ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เราใช้ lily เป็นส่วนผสมในการทำนํ้าหอม ประมาณ 14 % ในปัจจุบัน
- Myrrh : เป็นยางไม้จากต้น Myrrh ซึ่งพบได้ใน Arabia, Somalia และ Ethiopia ในสมัยโบราณ เขาใช้ยางไม้ชนิดนี้ทำเป็นยาสมุนไพร และ ใช้ทำ นํ้ายา ดองศพ แต่ในปัจจุบัน นักปรุงนํ้าหอมบอกว่า คุณสมบัติที่เด่นของ Myrrh นี้คือ มันเป็นตัวช่วยให้ กลิ่นของนํ้าหอม ติดร่าางกายทนนานยิ่งขึ้น เพราะมันมีสารที่ทำให้ นํ้าหอม ระเหยไปในอากาศ ช้าลงนั่นเอง
- Neroli : ได้จากการกลั่น จากดอกของต้นส้ม ชื่อ Neroli นี้ได้มาจากในช่วง หลังศตรววรษที่ 16 โดยภรรยาของ เจ้าชายของ อิตาลีคนหนึ่ง ใช้ Neroli ผสมในนํ้า ที่เธออาบ ทำให้กลิ่นหอม นี้เริ่มเป็นที่แพร่หลายในยุโรป แต่จริงๆแล้ว Neroli เข้ามาในยุโรปนานแล้ว ตั้งแต่ศตรวรรษที่ 12 โดยชาว อาหรับเป้นผู้นำเข้ามา ในปัจจุบันใช้เป้นส่วนผสม ในการทำนํ้าหอมถึง 12%
- Oak Moss : เป็น Lichen ที่อยู่ตาม ต้นโอ๊ก ต้นสน และต้นไม้อื่นๆ ในแถบเถือกเขา ทางเหนือ ของแอฟริกา และ ยุโรป เราใช้ oak moss เป็นตัวที่ยึด กลิ่นหอมของนํ้าหอมไว้ ไม่ให้ระเหยไปเร็ว


[TBODY] ในการเลือกซื้อและเลือกใช้นํ้าหอมได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับ บุคลิกภาพของเรานั้น และเหนือสิ่งอื่นใด ทำอย่างไรคุณถึงจะได้นํ้าหอม ที่ไม่ใช่ของปลอมมาใช้ หรือพูดง่ายๆก็คือไม่ถูกคนหลอกนั่นเอง</ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></ /></> [TR][TD colSpan=4] สิ่งต่างๆเหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งเลยทีเดียว ในการที่เราจะ เลือกนํ้าหอมได้ถูกต้องนั้น เราก็ต้องทำความรู้จัก กับนํ้าหอม กันก่อน นํ้าหอมนั้นเป็นผลของส่วนผสมหลัก 2 อย่างนั่นก็คือ นํ้ามันหอม (Fragrant Oils) ที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วย แอลกอฮอล์ (Alcohol) ในระดับความเข้มข้นของความหอมที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วย แอลกอฮอล์ นี้ จะมีระดับความเข้มข้นที่ต่างกันไป เราจึงแบ่งนํ้าหอมออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ ตามระดับความเข้มข้นของกลิ่นหอมได้ดังนี้
[TBODY]
[TR][TD colSpan=4]- Eau de Parfum คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 15-18 %
- Eau de Toilette คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนท 4-8 %
- Eau de Cologne คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนท 3-5 %
[TBODY] [TD colSpan=5>
เคยรู้มั้ย...น้ำหอมมีความเป็นมายังไง? history
[/TD]
[TR][TD width=250 colSpan=2]นํ้าหอมที่วางขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่นั้น จะเป็น Eau de Parfum และ Eau de Toilette แต่ที่นิยมใช้กันนั้นจะเป็น Eau de Toilette เสียมากกว่า ซึ่งความหอมระดับนี้จะมาเป็น ส่วนประกอบในสินค้าอื่นๆ นอกจาก นํ้าหอมด้วย เช่น โลชั่นทาผิว, สบู่, โฟมอาบนํ้า และอีกมากมาย มีคำถามอยู่คำถามหนึ่งที่ยากที่จะตอบมากนั่นก็คือ คำถามที่ว่า เราจะหา ซื้อนํ้าหอมจากที่ไหนถึงจะดีที่สุด ?[/TD][TD width=269 colSpan=2]
beueven.jpg
[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4] ซึ่งในปัจจุบันนี้คุณสามารถหาซื้อนํ้าหอม ได้จากหลายแห่งด้วยกัน หรือแม้แต่จะสั่งซื้อผ่านทาง Internet อย่างเช่น ที่ PerfumeLover แห่งนี้คุณก็สามารถเลือก Shopping นํ้าหอมที่คุณชอบได้ เช่นกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่คุณควรคำนึงถึงเสมอ ในการเลือกซื้อนํ้าหอมก็คือ คุณจะมั่นใจ ได้อย่างไรว่า นํ้าหอมที่คุณซื้อมานั้นคือ "ของจริง" ไม่ใช่ของที่ทำ เลียนแบบ หรือ "ของปลอม" นั่นเอง
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนํ้าหอมบอกว่า เป็นการยากมากกับการที่เขาจะแนะนำ นํ้าหอมให้กับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะแต่ละคนก็จะมี Style และรสนิยมที่ แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ระเอียดอ่อนมาก เลยก็ว่าได้ ดังนั้นเมื่อคุณจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกซื้อนํ้าหอมตามสถานที่ต่างๆ คุณจำเป็นต้องมีความรู้ใน การเลือกซื้อ ซึ่งก็มีวิธีการเรื่องที่เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาฝากดังนี้
[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4] เวลาที่คุณไปเลือกซื้อนํ้าหอมนั้น ก่อนการเลือกซื้อถ้าเป็นไปได้ เราไม่ควร ที่จะรับประทานอาหารที่มีรสจัด, ไม่ควรออกกำลังกายที่ทำให้เกิดความ เหน็ดเหนื่อยมากจนเกินไป ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ มันจะส่งผลต่อ กับรับรู้กลิ่น นํ้าหอมให้ผิดเพี้ยนไป และ นอกจากนี้ เรายังไม่ควรไปเลือกซื้อนํ้าหอม ในช่วง ที่เราเพิ่งจะฟื้นจากอาการเจ็บป่วย หรือไม่สบาย หรือ เพิ่งสูบบุหรี่เสร็จ เพราะ การกระทำ เช่นนี้ ก็จะมีผลต่อ การรับรู้กลิ่นนํ้า ทำให้กลิ่นนํ้าหอมที่เราสัมผัส พลิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงด้วยเช่นกัน[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4]ในส่วนของเวลาที่เรา ทดลองนํ้าหอม ที่เราไปเลือกซื้อนั้น จุดทดีที่สุด ของร่างกาย ที่เราทดลองฉีดนํ้าหอมนั้น ก็คือตรงบริเวณ "ข้อมือ" นั่นเอง ในกรณีที่เราทดลอง นํ้าหอมมากกว่าหนึ่งกลิ่น เราก็ควรใช้ข้อมืออีกข้างหนึ่ง และถ้าเราทดลองนํ้าหอมมากกว่า 2 กลิ่นนั้น บริเวฯที่เราควรฉีดนํ้าหอม ลงไปก็คือ บริเวณแขนที่ไล่ จากข้อมือของเรา ขึ้นไปเรื่อยๆนั่นเอง เมื่อเราฉีด นํ้าหอมไปในบริเวณ ที่เราแนะนำไปแล้วนั้น เราไม่ควรที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ นํ้าหอมจากกลิ่นที่เราได้สัมผัส ณ. เวลานั้นเลย เราควรทิ้งไวอย่างน้อยที่สุด ประมาณ 20 นาที ถ้าเป็นไปได้ควรจะประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงตัดสินใจ เลือกซื้อ[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4] แต่ในปัจจุบัน นํ้าหอมแต่ละยี่ห้อนั้นได้ทำ Blotting paper ให้เราได้ทดลองกลิ่นนํ้าหอม แต่วิธีนี้ มันดีสำหรับในการรับรู้กลิ่นในสัมผัสแรกนั้น และดีสำหรับการทดลองกลิ่นนํ้าหอมหลายๆกลิ่น ในเวลาเดียวกัน แต่วิธีนี้จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีเท่ากับ การที่คุณทดลองนํ้าหอมด้วยผิวหนังของคุณเอง
[/TD][/TR][TR][TD colSpan=2]วิธีการใช้นํ้าหอมนั้นเราควรจะฉีดนํ้าหอมในส่วนต่างๆ ของร่างกายดังนี้ เพื่อให้นํ้าหอมนั้น ได้ทำหน้าที่ในการส่งกลิ่นหอมให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราควรฉีดนํ้าหอมตรง ชีพจร, ข้อมือ, กระดูกไหปลาร้า, สะดือ, หรือแม้แต่บริเวณข้อพับขา ของเราเอง เราไม่ควรฉีดนํ้าหอมตรงบริเวณ ด้านหลังใบหูเพราะตรงบริเวณนี้กลิ่นนํ้าหอมและแอลกลอฮอล์จะระเหย ไปอย่างรวดเร็วนั่นเอง บางคนก็จะฉีดนํ้าหอมหลังจากเราอาบนํ้า เสร็จใหม่ๆ ในขณะที่ผิวกำลังมีความชื้นอยู่ ซึ่งวิธีนี้ก็จะทำให้ กลิ่นนํ้าหอมนั้น ติดทนนานมากยิ่งขึ้น ในบางคนก็แนะนำให้ใส่นํ้าหอม ลงไปผสมในนํ้าสุดท้ายที่ เราใช้ซักชุดชั้นใน เพื่อที่จะให้กลิ่นนํ้าหอม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราเลยทีเดียว[/TD][TD colSpan=2]
rose1.jpg
[/TD][/TR][TR][TD colSpan=4] ในเรื่องของการเก็บรักษานํ้าหอมนั้น เราควรรับรู้ไว้ว่านํ้าหอมจะ ได้รับผลและเกิดปฏิกริยาโดยตรงกับ อากาศ, ความร้อน, แสง ดังนั้น เราควรที่จะเก็นขวดนํ้าหอมของคุณ ไว้ในสถานที่ ที่มีความเย็น มืด ซึ่งการเก็บนํ้าหอมตามวิธีนี้นั้น คุณจะสามารถเก็นรักษานํ้าหอมของคุณ ได้นานถึง 20 เลยทีเดียว โดยที่กลิ่นของนํ้าหอมก็จะไม่เปลี่ยนไป ถ้าคุณเก็บนํ้าหอมไม่ถูกวิธี นํ้าหอมของคุณก็จะเสื่อมลง และก็จะกายเป็น กรดไปในที่สุดนั่นเอง [/TD][/TR]
[/TD /][/TR /][/TBODY]
ข้อมูลจาก: perfumelover.com
สร้างเสน่ห์ด้วย...น้ำหอม
[TBODY] [/TBODY]
กลิ่นหอมเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่สามารถครอบงำอารมณ์ความรู้สึกและจิตใจมนุษย์เราได้ในสมัยโบราณกรรมวิธีในการผลิตน้ำหอมและเครื่องหอมต่าง ๆ ถูกเก็บไว้เป็นความลับที่รู้กันเฉพาะในชนชันสูง ซึ่งคนธรรมดาสามัญไม่มีโอกาสจะเรียนรู้ได้ ถือกันว่าเป็นศาสตร์ลี้ลับที่ใช้ในการสร้างเสน่ห์ของหญิงสาว

ปัจจุบันผู้หญิงและผู้ชายใช้น้ำหอมกันเป็นประจำทุกวัน กลิ่นที่ถูกผลิตออกมาก็มีความหลากหลายกว่าสมัยโบราณ น้ำหอมกลายเป็นอุตสาหกรรมวิธีการทำน้ำหอมเป็นที่เปิดเผยกันทั่วไปไม่ได้เป็นเรื่องของศาสตร์ลึกลับอีกแล้ว คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้เช่นเดียวกับคนระดับสูง

การเลือกน้ำหอมให้เข้ากับตัวเราเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพราะถ้าเลือกผิดแล้วแทนที่จะสร้างเสน่ห์ให้กลับทำลายเสน่ห์ของเราจนสิ้น เราจึงมีเกร็ดความรู้ในการเลือกซื้อและเลือกใช้น้ำหอมมาฝาก

  • น้ำหอมในปัจจุบันมีกลิ่นหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกลิ่นผู้หญิง ผู้ชาย กลิ่นวัยรุ่น วัยสาว วัยผู้ใหญ่ จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับเพศและวัยตนเอง
  • น้ำหอมที่ต่างกลิ่นกันก็เหมาะกับแต่ละโอกาสหรืออารมณ์ เช่น น้ำหอมกลิ่นหนึ่งอาจเหมาะกับเวลากลางวัน และอีกกลิ่นหนึ่งอาจเหมาะกับเวลากลางคืน หรือน้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อน ๆ ก็เหมาะที่จะใช้ในหน้าร้อนส่วนหน้าหนาวก็ควรใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นแรงมากขึ้น
การจะรับรู้ได้ว่ากลิ่นหอมนั้นๆ เหมาะกับตัวเราและเราชอบมันจริงหรือไม่นั้น อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง ฉะนั้น ควรเลือกซื้อน้ำหอมขวดเล็กไปลองใช้ก่อนถ้ามั่นใจแล้วจึงค่อยกลับมาซื้อขวดใหญ่อีกที

ปกติระดับกลิ่นของน้ำหอมจะไม่คงที่แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนระดับของกลิ่นไปเรื่อยตามกาลเวลา กลิ่นของน้ำหอมมี 3 ระดับ กลิ่นแรก กลิ่นกลาง และกลิ่นพื้นฐาน
เมื่อฉีดน้ำหอมครั้งแรก กลิ่นที่จะได้รับจะมีลักษณะหอมสดชื่นและบางเบา กลิ่นแรกนี้จะอยู่ได้ประมาณ 15 นาที และจางหายไปอย่างรวดเร็ว
กลิ่นต่อไปคือ กลิ่นกลาง ที่ถือว่าเป็นหัวใจของน้ำหอมเป็นช่วงที่กลิ่นจะกระจายตัวอย่างเต็มที่บนผิวกาย จะคงอยู่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง
กลิ่นสุดท้าย คือ กลิ่นพื้นฐาน ซึ่งเป็นกลิ่นเข้มข้นที่สุดที่เหลืออยู่ ซึ่งจะแสดงกลิ่นเมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 4-6 ชั่วโมง และค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด

ควรเก็บน้ำหอมในที่แห้ง มืดและเย็น น้ำหอมจะเก็บไว้ได้ประมาณ 3 ปีนับจากวันผลิต

ในการทดลองกลิ่นน้ำหอมขณะซื้อ เมื่อฉีดแล้วควรรอสัก 2-3 นาที เพื่อให้กลิ่นของน้ำหอมผสมกลมกลืนกับกลิ่นกาย จนสมบูรณ์เป็นหนึ่งเดียว เพื่อคุณจะได้รู้ว่าน้ำหอมกลิ่นนั้น เหมาะกับตัวคุณจริงหรือไม่ และควรลองเพียง 2-3 กลิ่นก็พอเพราะถ้าลองมากไปกลิ่นจะตีกันจนแยกไม่ออกแล้วคุณก็อาจสับสนจนไม่สามารถเลือกน้ำหอมได้ถูกใจ

  • ถ้าคุณมีผิวที่แพ้น้ำหอมให้ฉีดน้ำหอมลงบนผ้าเช็ดหน้าแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าแทนที่จะฉีดลงบนผิวตรงๆ

  • ไม่ควรใช้มือหรือนิ้วถูน้ำหอมให้ซึมเข้าไปในผิวเพราะจะทำให้น้ำหอม "ช้ำ" ทางที่ดีควรฉีดน้ำหอมลงบนผิวแล้วปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติจะดีกว่า

  • บางครั้งคุณอาจลองคิดวิธีใช้น้ำหอมให้สร้างสรรค์มากยิ่งขึ้นบ้างก็ได้ เช่น ฉีดลงบนกระดาษจดหมายก่อนพับใส่ซอง ฉีดพรมบนผ้าปูที่นอนก่อนเข้านอน ฉีดที่เทียนไขก่อนจุด เป็นต้น
น้ำหอมจะระเหยได้ดีบนผิวเนื้อที่อุ่นและมีการหมุนเวียนโลหิตดี ดังนั้นจุดที่จะช่วยเร่งให้น้ำหอมส่งกลิ่นหอมได้มากและได้นานก็คือบรรดาจุดชีพจรของเรานี่เอง เพราะในทุกจังหวะที่ชีพจรเต้นก็จะทำหน้าที่ทางอ้อมช่วยกระตุ้นให้กลิ่นหอมกระจายออกมาอย่างเป็นจังหวะต่อเนื่อง ฉะนั้น จึงควรฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจร เช่น ด้านในข้อมือ ข้อศอก ข้อพับ ใต้ติ่งหู

น้ำหอมส่วนใหญ่มักจะคงอยู่ได้นานกว่าผิวแห้ง หากต้องการให้กลิ่นหอมติดทนนานบนผิวกายควรฉีดพรมน้ำหอมหลังทาโลชั่นบำรุงผิว แต่ไม่ว่าอย่างไรการฉีดน้ำหอมเพียงครั้งเดียวก็ไม่สามารถทำให้กลิ่นอยู่ได้นานตลอดวัน ดังนั้น หากต้องการให้กลิ่นหอมอยู่ทนบนผิวกายตลอดวันควรฉีดน้ำหอมวันละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย

จุดสำคัญในร่างกายที่ควรได้รับการฉีดพรมด้วยน้ำหอมมีดังนี้ ขมับทั้ง 2 ข้าง บริเวณร่องอก ข้อพับแขน ข้อมือ ข้อพับขา ด้านหน้าของตาตุ่ม และกระดูกหน้าขา

ข้อมูลจาก : sanook.com

[TBODY] [/TBODY]
[TBODY] [/TBODY]
[/TD][/TR][/TBODY]
[/TD][/TR][/TBODY]
 


  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #2
1. Dior Addict 2
น้ำหอมกลิ่นใหม่ที่บรรจงสร้างสรรค์ เพื่อสะท้อนนิยามธรรมชาติแห่งหญิง อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นคุณ โปรยเสน่ห์น้ำหอมแห่งความแรงร้ายใหม่จาก Dior Addict เผยปริศนาในธรรมชาติที่ยากหยั่งรู้ และเข้าใจในความเป็นหญิง ด้วยเสน่ห์หอมของกลิ่น Mandarin Leaf และ Silk Tree Flower ที่เป็นดั่งเสียงกระซิบแรกแห่งความสดชื่น และเผยหัวใจของ Dior addict ด้วยโทนกลิ่น Vanilla ของราชินีแห่งรัตติกาล หรือดอก Queen of the Night ดอกไม้หายากที่พบได้เพียงในประเทศจาไมก้า และเบ่งบานเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางความเร้าร้อน ยั่วยวนของกลิ่น Orange Blossom ที่อบอวลแผ่ผ่านความรู้สึกให้ตราตรึง ตราบนานในความทรงจำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
- Eau de Parfume 50 ml. ราคา: 2,700 บาท
- Eau de Parfume 100 ml. ราคา: 3,750 บาท
 

ไฟล์แนบ

  • addict2.jpg
    addict2.jpg
    30.1 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 348
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #3
2. Tommy Hilfiger

สำหรับผู้ชายทันสมัย TRUE STAR MEN ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ จากนักร้องชื่อดัง Enrique Iglesias ( เอ็นริเก้ อิเกลเซียส ) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ชายร่วมสมัย เขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ เท่ห์ มีเสน่ห์ ดึงดูดทั้งผู้ชาย และผู้หญิงทั่วโลกด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง และสบายๆEnrique เป็นแรงบันดาลใจให้มีการสร้างสรรค์น้ำหอมที่มีกลิ่นหอมสดชื่น และมีชีวิตชีวา นอกจากนี้กลิ่นหอมต่างๆ ที่ให้ความอบอุ่นยังช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกมีอารมณ์ผ่อนคลาย น้ำหอมนี้ทำให้ผู้ชายรู้สึกนำสมัยและสบายๆ สามารถใช้ได้ทุกโอกาส TRUE STAR MEN น้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ของพันธุ์ไม้เครื่องเทศ (Soft-Spiced Wood) ที่ให้ความพึงพอใจชวนสัมผัส, สร้างความเย้ายวนและชวนสัมผัสตลอดเวลา ความทันสมัย และความอบอุ่นสร้างรสนิยมแบบใหม่ที่เรียบง่ายสบายๆ สัมผัสแรก Enticing Captivity Accord ด้วยกลิ่นหอมของ Citrus ผลไม้ตระกูลที่มีรสเปรี้ยว ที่มอบความสดชื่น เสริมด้วยกลิ่นของ anise (ยี่หร่า) ที่ให้ความรู้สึกเย็น ผสานด้วยกลิ่น licorice (ชะเอม) ที่ให้ความเย็นสร้างความตื่นเต้นและลุ่มลึก สัมผัสต่อมา Caressing Softness Accord กลิ่นหอมของ Orris (ดอกออริส) และ Cascarilla (คัสคาริลลา) ทำให้กลิ่นของพืชสีเขียวอันชุ่มฉ่ำกลายเป็นความสง่างาม ที่ซ่อนเร้นผสานกลิ่นหอมของ Rice (ข้าว) ให้สัมผัสที่นุ่มนวล สัมผัสท้ายสุด Seductive Addictive Accrod กลิ่นหอมที่ผสมผสานกันระหว่างหญ้าฝรั่นกับไม้เนื้ออ่อนเติมด้วยกลิ่นหอมของวนิลา ให้ความรู้สึกเย้ายวนชวนดมตลอดเวลา กลายเป็นกลิ่นหอมที่มีลักษณะเด่นไม่เหมือนใครสำหรับคุณผู้ชาย
- TRUE STAR EAU DE TOILTTE 50 ML ราคา 1,850 บาท
- TRUE STAR EAU DE TOILTTE 100 ML ราคา 2,550
บาท
 

ไฟล์แนบ

  • tommymen.jpg
    tommymen.jpg
    30 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 339
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #4
3. Lancome
ลังโคมเสกสรรปาฏิหาริย์ครั้งใหม่ของ Miracle ด้วย Miracle So Magic! น้ำหอมสีชมพูกระจ่าง หอมสดชื่น เปี่ยมชีวิตชีวา ล้ำเสน่ห์ รื่นรมย์เเกินกว่าจะเป็นจริง โดยเอลิซาเบธ แจ็คเกอร์ ได้รับเลือกให้เป็นผู้ที่ถ่ายทอดภาพของหญิงสาวร่าเริง เบิกบาน พลิ้วไหวราวชายชุดราตรีที่โบกปลิว และฝากกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ไว้ยามลับตา Miracle So Magic! คือความงดงามที่ขจรขจาย และคลี่คลายสู่ความเย้ายวน ความสนุกสนาน ก่อนความหอมจรุงใจของกลีบกุหลาบคือน้ำหอมแห่งความสุขล้ำที่กำนัลแด่หญิงสาวผู้มีโชคชะตาดั่งโลกในนิทาน..

ดังนั้น น้ำหอม Miracle So Magic! จึงกลายเป็นน้ำหอมมหัศจรรย์สำหรับหญิงสาวผู้น่าหลงใหลในความมีชีวิตชีวา เธอได้รับพรให้เปี่ยมไปด้วยความสุขล้น พรให้รู้จักแบ่งปันความปีติยินดีและพรที่จะทำให้ความอิ่มอกอิ่มใจนั้นคงอยู่เนิ่นนาน สำหรับเธอแล้ว ทุกวันใหม่คือวันแห่งการเฉลิมฉลอง ความเชื่อมั่นในสิ่งที่มีอยู่จริงทำให้เธอเจิดจรัสและชวนค้นหา เพราะเธอนั้นช่างเรียบง่ายทว่าแสนวิเศษ! มากกว่าความหอม Miracle So Magic! ยังแสดงออกซึ่งสัมผัสได้ คือแก่นแท้และนิยามอันเด่นชัดของหัวน้ำหอมจากมวลดอกไม้ อันนิก เมนาร์โด นักปรุงน้ำหอม ได้รังสรรค์กลิ่นหอมเปี่ยมพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมนี้ให้กับลังโคมด้วยใบไม้สี่กลีบ ผสมผสานระหว่างดอกไม้สองชนิดคือ ด็อกโรสและนาร์ซิสซัส เปรียบเสมือนโฉมงามและอสูร ความเป็นสองภาคที่แฝงอยู่ในความเป็นผู้หญิงซึ่งเสกสรรความกลมกลืนที่เปี่ยมความสดชื่นและเร่าร้อนส่วนผสมที่เหนือความคาดหมาย ไม้สามใบและกลิ่นหอมของความเขียวขจี สดชื่น สะท้อนความบางเบาจากกลิ่นหอมละเอียดอ่อนของวานิลลา การมอบกลิ่นหอมแห่งโชคดีเช่นนี้ ขาดไม่ได้คือกล่องที่สวยจับตา สีชมพูปราดเปรียวตัดฉับกับสีบานเย็น ช่วยปกป้องขวดน้ำหอมไว้ราวกับวัตถุแห่งความปรารถนาที่โปร่งใส ส่วนยอดเปล่งประกายราวกับเครื่องหมายอัศเจรีย์ ที่สุดประหลาดใจ ระหว่างพยัญชนะ a และ c คือความท้าทายของการออกแบบตัวอักษร สัญลักษณ์รูปสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่าที่แกว่งไกวความปลื้มปิติเพื่อสื่อถึงละอองแห่งความสุขล้ำของ Miracle So Magic! ...


- Miracle So Magic 50 ml. ราคา 2,000 บาท
- Miracle So Magic 100 ml. ราคา 3,000 บาท
- Miracle So Magic 30 ml. ราคา 1,500 บาท
 

ไฟล์แนบ

  • lancome_miracle_so_magic.jpg
    lancome_miracle_so_magic.jpg
    38.6 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 356
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #5
[FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]4. POLO Black [/FONT]
ผู้ชายโปโลแบล็คเป็นหนุ่มชาวเมืองเต็มตัว และเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด โปโลแบล็ค เป็นน้ำหอมที่จะเผยความเซ็กซี่ ความหนุ่มแน่น เท่ และฮิพของพวกเขาออกมา
 

ไฟล์แนบ

  • poloblack1.jpg
    poloblack1.jpg
    33.2 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 355
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #6
5.Armani code donna

จากแรงบันดาลใจของฉากตรึงตในหนังฮอลลีวู๊ด เรื่องราวของการพบกันการปรายตามอง โค้งเว้าแห่งสรีระมาเป็น Armani code donna (75 ml ราคา3200 บาท) น้ำหอมเปี่ยมเสน่ห์ในขวดเพรียวลายดอกไม้ตะวันออกกลิ่นหอมลึกลับเผยกลิ่นแท้ของความเป็นผู้หญิงในมุมมองของดีไซเนอร์ ระดับโลก จิออร์จิโอ อาร์มานี่ เริ่มต้น น้ำหอมสีน้ำเงินซฟไฟร์ด้วยกลิ่นดอกส้ม กลิ่นหอมของเกสรดอกไม้ มะลิ แซมบัคจากอินเดีย สุดแสนจะเป็นผู้หญิง และสุดโก้หรู นี่คือความหอมหวานรวยริน ผสานกลิ่นวนิลาจากมาดากัสการ์ และกลิ่นน้ำผึ้ง จนไม่มีใครลืมลง
 

ไฟล์แนบ

  • armani_code.gif
    armani_code.gif
    15.6 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 389
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #7
6. Boss
Hugo boss ขอแนะนำน้ำหอมกลิ่นใหม่ล่าสุด boss In motion black limited edition ในตระกูล boss in motion น้ำหอม boss In motion black คือ ตัวแทนของชายหนุ่ม ที่มีความมุ่งมั่นเปี่ยมด้วยพลังที่พร้อมต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ กระตุ้นเร้าพลังแห่งความมุ่งมั่น ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นกระปี้กระเปร่าจาก citrus ,kumquat ,bergamotและ grapefruit ให้ความรู้สึก สุขุมเยือกเย็นจาก cardamom และ ginger ลงท้ายด้วยกลิ่นแบบชายหนุ่มแท้ๆ tobacco, vanilla ,myrrh และ sandalwood

- Eau de Toilette spray 40ml .ราคา 1900 บาท 90ml 2500 บา
 

ไฟล์แนบ

  • boss.jpg
    boss.jpg
    28.2 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 335
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #8
7. DKNY Red Delicious
ใหม่สุดจากนิวยอร์ก ความหอมเร้าใจจากความตื่นเต้นแห่งรักในเมืองใหญ่ สำหรับหญิงสาว ความเย้ายวนจากกลิ่นแชมเปญ ผสมผสานกับกลิ่นลิ้นจี่ คละเคล้ากลิ่นราสพ์เบอร์รี่ และ แอปเปิ้ลแดงสุดต้องห้าม แปรไปสู่กลิ่นกุหลาบและไวโอเล็ตชุ่มน้ำ เร้ารุมด้วยกลิ่นวานิลลา และพัทชูลี ที่มาเติมความอบอุ่นลงท้ายที่กลิ่นอำพันกับกลิ่นผิวยั่วใจ สำหรับชายหนุ่ม เป็นความลุ่มหลงและทะเยอทะยานกับกลิ่นแบบเครื่องเทศ ผสมกลิ่นสดชื่นของมะกรูดและส้มจีน กลิ่นค็อกเทลและกลิ่นกาแฟ เหล้าที่หมักด้วยแอปเปิ้ลสุดฉ่ำ ว้อดก้าและวานิลลาทรงเสน่ห์ กลิ่นดอกดาวานาที่เข้มแข็ง จบที่กลิ่นไม้หอม มอส และพัทชูลี ที่จะทอดเวลารักให้ยาวนานข้ามคืน

(50ml 2200 บาท 100ml 3150 บาท men 50ml 1850 บาท 100 ml 2600 บาท) - น้ำหอม perfume Red Delicious Women by DKNY 100ML
 

ไฟล์แนบ

  • DKNYRedDelicious.jpg
    DKNYRedDelicious.jpg
    32.9 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 332
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #9
8. CK one

น้ำหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง Calvin Klein ซึ่งผสมผสานไปด้วยกลิ่นของผลไม้หลากหลายชนิด อย่าง ส้ม, องุ่น, แตงโม นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมธรรมชาติจาก ขิง มิ้นท์ ดอกไม้ นานาพรรณ ดอกดาวเรือง, sun-bleached wood, vanilla, violet and guaiac wood
 

ไฟล์แนบ

  • ck_one.jpg
    ck_one.jpg
    30 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 339
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #10
9. Burberry
พบกับความหอมตามแบบฉบับของสาวลอนดอน Burberry น้ำหอมจากอังกฤษ ด้วยกลิ่นหอมจากดอก Clementine Honeysuckle และ Rose บรรจุในขวดดีไซน์เก๋ด้วยผ้าทอลาย Check ของ Burberry มี 2 ขนาด

- 50 ml. ราคา 2600 บาท
- 100 ml. ราคา 3700 บาท
 

ไฟล์แนบ

  • buberry_brit.jpg
    buberry_brit.jpg
    39.2 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 321
  • กระทู้ ผู้เขียน
  • #11
10. D
 
CK ONE ใช้แป๊บเดียวกลิ่นหาย
ผมชอบ CLINIQUE HAPPY ครับ
 
Davidof กะ Rover ครับ หึหึ
 
นู๋ชอบกลิ่นสาปสาวมากกว่าง่ะ....
 
พันก่าทั้งนั้น เก็บตังทำรถดีฟ่า
 

กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see
กลับ
ยอดนิยม