- กระทู้ ผู้เขียน
- #1
ปรับบูตไฟฟ้าด้วยตนเองด้วยงบไม่ถึง1,000บาท
รายละเอียดอุปกรณ์
1.Line Pressure Regulator3.4bar = 800บาท(ลักษณะตามรูปที่1เลยครับผม)
ด้วยความบังเอิญไปซื้ออุปกรณ์ทำงานเกี่ยวกับเดินท่อแก๊สในห้องแล็บมีอุปกรณ์ตัวนี้ขายพอดีเลยครับจึงสอยมาทดลองซะ1ตัว
800บาทไม่รวมVat
2.Pressure Solenoid Valve=70บาท(ตามรูปที่2และ3ครับ)
ช่วงเสาร์-อาทิตย์ไปไปเดินตลาดนัดกรมชลฯได้ตัวPressure Solenoid Valve(normal Open หมายความว่าหากเอาปากเป่าตอนยังไม่ได้ป้อนไฟจะมีลมออกอีกด้านหนึ่งครับ แต่เมื่อต่อไฟเข้าไปที่ตัวมันแล้ววาล์วภายในจะปิดทันทีส่งผลให้เป่าไม่ออก..อิๆ)ที่ซื้อมาเป็นของMitsubishiมา(หาเลือกๆดูเอารูแรงดันใหญ่ๆหน่อยนะ มีเพียบเลยครับ ตามรูปที่2ผมลองเอามาต่อไฟลองดูครับว่าทำงานหรือเปล่า)
3.สามทาง=2ตัว+ที่รัดสาย=6อัน
4.สวิตช์ On-Off = 1 ตัว
อันนี้หาเอาเศษที่เหลือในบ้านเอาครับ
5.สายไฟ(เอาไว้ต่อOn/Off Solenoid Valve)
งั้นเรามาเริ่มทดลองเลยครับด้วยการไปตัดสายPressureที่ต่อเข้ากระปุกWaste gate(ก่อนเข้าWaste gateนะครับ)ออกแล้วเอาLinen Pressure Regulator3.4bar ใส่เข้าไปครับ(ตามรูปที่4 และรูปที่5คือต่อเสร็จแล้วครับ)
1.การทดลอง
เพื่อหาค่าบูตที่เราต้องการจะตั้งไว้ว่าเราต้องการตั้งที่เท่าไร(จะตั้งไว้กี่บาร์)(ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลาหน่อยนะครับ)ด้วยการปรับLine Pressure Regulatorไปเรื่อยๆ คลายมากอากาศยิ่งผ่านได้น้อย(ตามอุปกรณ์ที่เราซื้อมาครับ)นั่นหมายถึงว่าแรงดันอากาศที่จะส่งผ่านมายังตัวWaste gateก็จะน้อยตามไปด้วยในตอนเหยียบคันเร่งมากๆส่งผลให้อัตราบูตมากขึ้นเพราะWaste gate เปิดน้อย(ศึกษาการทำงานของWaste gateเพิ่มเติมเอานะครับ)เราก็คอยปรับตั้งตัวLine Pressure Regulatorไปเรื่อยๆจนกว่าเราได้อัตราบูตที่เราพอใจ(ดูเกจวัดบูตที่เรามีในรถนะครับของผมตั้งไว้20psi=1.3Bar)เป็นอันเสร็จสิ้นครับ
2.ต่ออุปกรณ์
ก็ทำการต่อPressure Solenoid Valveคร่อมLine Pressure Regulator(ตามรูปที่ึ7และรูปที่8เมื่อต่อเสร็จแล้วแต่ว่าสายมันยาวไปหน่อยผมก็ลยตัดให้มันสั้นๆดูสวยงามนิดนึงครับ) เพื่อตอนที่เราไม่ต้องการบูตมากเราก็ให้อากาศผ่านWaste gateปรกติตามสเป็กโรงงานโดยผ่านPressure Solenoid Valve(Normal Open)เข้าWaste gateโดยตรง(อากาศจะหาทางผ่านไปยังอุปกรณ์Waste gateที่ดีที่สุดนั่นคือผ่านมาทางPressure Solenoid Valve(Normal Open)เข้าWaste gate)แทน
แต่ถ้าหากว่าเราจอดติดไฟแดงพร้อมกับรถข้างๆที่เบิ้นเครื่องวู่น!วู่น!วู่น!เราก็กดสวิตช์เพื่อป้อนไฟเข้าไปที่Pressure Solenoid Valve(ลักษณะขั้วของPressure Solenoid Valve ตามรูปที่9ครับ)การทำงานก็คือPressure Solenoid Valveก็จะปิด ทำให้อากาศไม่สามารถไหลผ่านPressure Solenoid Valve(Normal Open)เข้าWaste gateโดยตรงได้อีกต่อไป(Pressure Solenoid Valve(OFF) อากาศจะไหลผ่านLine Pressure Regulatorที่เราตั้งไว้ตั้งแต่ต้นเข้าสู่Waste gateแทน(ของผมตั้งไว้20psi=1.3Bar)ทีนี้ผมขอสรุปผลการทดลองเลยละกันครับ
สรุป
จากการทดลองนี้ด้วยงบไม่ถึง1,000บาทผมไม่สามารถถ่ายรูปตอนที่บูตทำงานมาฝากพี่ๆเพื่อนๆสมาชิกได้เพราะตูดรถผมมันส่ายเป็นงูพันอยู่ที่หางว่าวเลยครับ อันตรายเหมือนกันระวังหน่อยนะครับ ก็จบไปอีก1การทดลองครับ อิๆการทดลองคราวนี้ไม่ได้จิบเบียร์เย็นๆเลยครับ กลัวคุมรถไม่อยู่อิๆ
รายละเอียดอุปกรณ์
1.Line Pressure Regulator3.4bar = 800บาท(ลักษณะตามรูปที่1เลยครับผม)
ด้วยความบังเอิญไปซื้ออุปกรณ์ทำงานเกี่ยวกับเดินท่อแก๊สในห้องแล็บมีอุปกรณ์ตัวนี้ขายพอดีเลยครับจึงสอยมาทดลองซะ1ตัว
800บาทไม่รวมVat
2.Pressure Solenoid Valve=70บาท(ตามรูปที่2และ3ครับ)
ช่วงเสาร์-อาทิตย์ไปไปเดินตลาดนัดกรมชลฯได้ตัวPressure Solenoid Valve(normal Open หมายความว่าหากเอาปากเป่าตอนยังไม่ได้ป้อนไฟจะมีลมออกอีกด้านหนึ่งครับ แต่เมื่อต่อไฟเข้าไปที่ตัวมันแล้ววาล์วภายในจะปิดทันทีส่งผลให้เป่าไม่ออก..อิๆ)ที่ซื้อมาเป็นของMitsubishiมา(หาเลือกๆดูเอารูแรงดันใหญ่ๆหน่อยนะ มีเพียบเลยครับ ตามรูปที่2ผมลองเอามาต่อไฟลองดูครับว่าทำงานหรือเปล่า)
3.สามทาง=2ตัว+ที่รัดสาย=6อัน
4.สวิตช์ On-Off = 1 ตัว
อันนี้หาเอาเศษที่เหลือในบ้านเอาครับ
5.สายไฟ(เอาไว้ต่อOn/Off Solenoid Valve)
งั้นเรามาเริ่มทดลองเลยครับด้วยการไปตัดสายPressureที่ต่อเข้ากระปุกWaste gate(ก่อนเข้าWaste gateนะครับ)ออกแล้วเอาLinen Pressure Regulator3.4bar ใส่เข้าไปครับ(ตามรูปที่4 และรูปที่5คือต่อเสร็จแล้วครับ)
1.การทดลอง
เพื่อหาค่าบูตที่เราต้องการจะตั้งไว้ว่าเราต้องการตั้งที่เท่าไร(จะตั้งไว้กี่บาร์)(ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลาหน่อยนะครับ)ด้วยการปรับLine Pressure Regulatorไปเรื่อยๆ คลายมากอากาศยิ่งผ่านได้น้อย(ตามอุปกรณ์ที่เราซื้อมาครับ)นั่นหมายถึงว่าแรงดันอากาศที่จะส่งผ่านมายังตัวWaste gateก็จะน้อยตามไปด้วยในตอนเหยียบคันเร่งมากๆส่งผลให้อัตราบูตมากขึ้นเพราะWaste gate เปิดน้อย(ศึกษาการทำงานของWaste gateเพิ่มเติมเอานะครับ)เราก็คอยปรับตั้งตัวLine Pressure Regulatorไปเรื่อยๆจนกว่าเราได้อัตราบูตที่เราพอใจ(ดูเกจวัดบูตที่เรามีในรถนะครับของผมตั้งไว้20psi=1.3Bar)เป็นอันเสร็จสิ้นครับ
2.ต่ออุปกรณ์
ก็ทำการต่อPressure Solenoid Valveคร่อมLine Pressure Regulator(ตามรูปที่ึ7และรูปที่8เมื่อต่อเสร็จแล้วแต่ว่าสายมันยาวไปหน่อยผมก็ลยตัดให้มันสั้นๆดูสวยงามนิดนึงครับ) เพื่อตอนที่เราไม่ต้องการบูตมากเราก็ให้อากาศผ่านWaste gateปรกติตามสเป็กโรงงานโดยผ่านPressure Solenoid Valve(Normal Open)เข้าWaste gateโดยตรง(อากาศจะหาทางผ่านไปยังอุปกรณ์Waste gateที่ดีที่สุดนั่นคือผ่านมาทางPressure Solenoid Valve(Normal Open)เข้าWaste gate)แทน
แต่ถ้าหากว่าเราจอดติดไฟแดงพร้อมกับรถข้างๆที่เบิ้นเครื่องวู่น!วู่น!วู่น!เราก็กดสวิตช์เพื่อป้อนไฟเข้าไปที่Pressure Solenoid Valve(ลักษณะขั้วของPressure Solenoid Valve ตามรูปที่9ครับ)การทำงานก็คือPressure Solenoid Valveก็จะปิด ทำให้อากาศไม่สามารถไหลผ่านPressure Solenoid Valve(Normal Open)เข้าWaste gateโดยตรงได้อีกต่อไป(Pressure Solenoid Valve(OFF) อากาศจะไหลผ่านLine Pressure Regulatorที่เราตั้งไว้ตั้งแต่ต้นเข้าสู่Waste gateแทน(ของผมตั้งไว้20psi=1.3Bar)ทีนี้ผมขอสรุปผลการทดลองเลยละกันครับ
สรุป
จากการทดลองนี้ด้วยงบไม่ถึง1,000บาทผมไม่สามารถถ่ายรูปตอนที่บูตทำงานมาฝากพี่ๆเพื่อนๆสมาชิกได้เพราะตูดรถผมมันส่ายเป็นงูพันอยู่ที่หางว่าวเลยครับ อันตรายเหมือนกันระวังหน่อยนะครับ ก็จบไปอีก1การทดลองครับ อิๆการทดลองคราวนี้ไม่ได้จิบเบียร์เย็นๆเลยครับ กลัวคุมรถไม่อยู่อิๆ
ไฟล์แนบ
-
1.jpg40.4 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 106
-
10.jpg76.4 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 99
-
9.jpg99.2 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 83
-
8.jpg106.8 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 87
-
7.jpg62.3 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 88
-
6.jpg108.6 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 82
-
5.jpg66.3 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 97
-
4.jpg62.4 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 102
-
3.jpg59 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 107
-
2.jpg74.5 กิโลไบต์ · จำนวนการดู: 105
แก้ไขล่าสุด: